การมาเที่ยวโอมาน คงไม่ได้พบกับการผจญภัยที่สมบูรณ์แบบ หากไม่ได้มาเยือนสถานที่แห่งความทรงจำแห่งนี้ ‘บิดิย่าห์’ Bidiyah เมืองแห่งทะเลทรายในโอมาน ที่เป็นไฮไลท์ของการเดินทางแบกเป้ Roadtrip ลุยเดี่ยวเที่ยวโอมานของฉันในครั้งนี้…ทว่า ฉันคงมาถึงที่นี่ไม่ได้ หากปราศจากชายที่ชื่อคุณ ‘อาลี’
อาลี..ช็อคโกแลต และดาวอังคาร สามสิ่งที่ดูไม่เข้ากัน แต่ดันเกิดขึ้นที่นี่…
อาลี ไม่ใช่เจ้าชาย
และไม่ใช่ชายที่อยู่บนดาวอังคาร
พอๆ เลิกเดาดีกว่า ก่อนที่จะผิดไปมากกว่านี้…
ฉันขับรถเที่ยวโอมาน ออกจากหมู่บ้าน Misfat al Abriyyin ใช้เวลาราว 4-5 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก เพื่อมุ่งหน้ามาที่นี่ แต่ระหว่างทางไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทางเส้นหลัก ดันถูกปิดลงเพื่อทำอุโมงค์ขนาดยักษ์ แอพนำทางเจ้ากรรมของฉัน พาฉันหลงวนอยู่บนเส้นทางเดิมอยู่สองรอบ เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง จนฉันต้องฝืนใจพามันออกนอกเส้นทางเพื่อให้มันหาเส้นทางใหม่ให้ แต่กลับไม่เป็นดังหวัง
สุดท้าย เทคโนโลยีก็แพ้คน…
ฉันขับรถตามกระบะสีขาวคันหนึ่งเข้าไปลึกมากจนถึงทางลูกรัง จนฉันได้มารู้อีกทีว่า เขาเองก็กำลังหลงทางเหมือนกัน!
ชายผิวคล้ำเหมือนชาวอินเดีย หยุดและเดินลงจากรถด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ ฟันของเขาขาวมาก เขาบอกฉันว่าเขาพอจะรู้แล้วว่าน่าจะต้องไปทางไหนถึงจะถูก อธิบายหลายครั้งฉันยังคงไม่เข้าใจ เขาจึงอาสาขับนำ แล้วให้ฉันขับตามออกไปจากทางลูกรังนั้น
สักพักใหญ่ เขาก็นำฉันมาสู่ทางเข้าที่ดูเหมือนเป็นสะพานขนาดมหึมา
“คุณต้องลอดสะพานนี้ไป”
“สะพานนี้น่ะหรือคะ”
“ใช่ สะพานนี้ละครับ คุณต้องลอดสะพานนี้ไป จากนั้นก็วิ่งตรงไปได้เลย”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ไปทางเดียวกับฉัน แต่อุตส่าห์ขับมาส่ง ฉันกล่าวขอบคุณ เราโบกมืออำลากันพอเป็นพิธี ฉันยิ้มสู้เพื่อไม่ให้คนแปลกหน้าผู้มีน้ำใจเป็นห่วงไปมากกว่านี้
หลังจากลอดสะพานนั้นไป แอพนำทางของฉันก็เริ่มจูนหาเส้นทางใหม่ ในที่สุดมันก็หาทางเจอ! ฉันโล่งใจไปพักใหญ่ เพราะดูเหมือนทางข้างหน้าจะขับตรงไปยาวๆ ร่วมชั่วโมง โดยไม่ต้องเลี้ยวไปไหนทั้งนั้น
จุดมุ่งหมายของฉันคือ บิดิย่าห์ [Bidiyah] เมืองทะเลทรายของโอมาน
ที่ๆ ฉันจะไปชื่อ Shāhiq จนบัดนี้ฉันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าจะเรียกจุดหมายปลายทางของฉันว่า Shāhiq หรือ Bidiyah กันแน่
รู้แต่ว่าฉันนัดชายคนหนึ่งไว้ตอน 16.30 และตอนนี้ฉันกำลังสาย!

7 กม.สุดท้าย…ฉันหยุดแวะปั้มข้างทาง ส่งอีเมลหาชายคนนั้น บอกเขาให้รู้ล่วงหน้าว่าฉันใกล้จะถึงจุดนัดพบแล้ว เพียงแต่อาจจะสาย 30 นาที เพราะเพิ่งขับหลงทางมา และภาวนาให้เขาอ่านอีเมล
5 กม.สุดท้าย…ฉันเริ่มเห็นทรายเนื้อละเอียดสีส้ม ปลิววนเป็นริ้วๆ อยู่ตามพื้นถนน
ใจฉันเริ่มชื้น..เพราะรู้ว่า ตัวเองได้มาถูกทางแล้ว

500 ม.สุดท้าย…ฉันยังไม่เห็นบ้านที่มีลักษณะเป็น ‘ออฟฟิศ’ ของแคมป์ที่ฉันกำลังมองหาอยู่เลย
“หลงอีกแล้ว!” ฉันพยายามปัดความคิดนี้ออกจากใจ เพื่อไม่ให้ตัวเองกังวล อีกใจหนึ่งก็นึกถึงชายที่ฉันส่งอีเมลหาว่าป่านนี้เขาจะรอฉันอยู่ไหมหนอ หรือเขาจะทิ้งฉันไปก่อนแล้ว
ระหว่างที่กำลังคิด ก็มีรถกระบะสีขาวยี่ห้อนิสสันคันหนึ่ง ท้ายกระบะบรรทุกน้ำมัน ขับตรงดิ่งเข้ามาหา ชายในชุดขาวใบหน้าคมสันราว Ranveer Singh (นักแสดงชาวอินเดีย) โพกหัวด้วยผ้าสีขาวเข้ากับสีชุด ตะโกนออกมาจากข้างในรถ
“คุณคือผู้หญิงที่มาจากไทยใช่ไหม”
..
รู้ได้ยังไงหว่า?..ฉันคิด
“ผม..อาลี จาก Oman Desert Private Camp โทษทีครับอาจจะทำให้คุณสับสน แต่ทางเข้าของออฟฟิศเราอยู่อีกทาง…ขับตามผมมา”
ดูเหมือนว่าคุณอาลีเพิ่งกลับจากเติมน้ำมัน แล้วจ๊ะเอ๋เข้ากับรถเด๋อๆ ของฉันที่กำลังหลงอ้อมเข้าด้านหลังแบบพอดิบพอดี เลยตามมาเก็บฉันถึงที่

ฉันดีใจที่สุดท้ายก็หากันจนเจอ ขณะที่ขับตามคุณอาลี ในตาก็ลุกวาวเมื่อเห็นภาพเนินทรายที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า
ที่ Bidiyah เต็มไปด้วยแคมป์กลางทะเลทรายมากมาย แต่ฉันเลือกที่นี่ เพราะอยากนอนเต๊นท์ให้ได้บรรยากาศอาราเบียนไนท์อย่างแท้จริง ในขณะที่บางแห่งเลือกที่จะปลูกสร้างเป็นรีสอร์ทกลางทะเลทรายเสียมากกว่า
คุณอาลีให้ฉันนั่งรอที่ออฟฟิศ เพื่อรอนักเดินทางอีกคู่หนึ่ง เขาบอกว่าเขาจะพาเราขึ้นรถ 4WD เพื่อข้ามทะเลทรายไปหาแคมป์ที่พัก ฉันนั่งรออย่างว่าง่าย
หลังจากคุยกันราวสิบนาที คุณอาลีตัดสินใจไปออกไปซื้อเสบียงมาตุนไว้ พลางบอกว่า ให้ฉันรอไปกับเขา ส่วนนักเดินทางที่เหลือเพื่อนของเขาจะแบ่งรถไปส่งเอง
“ฉันขึ้นไปนั่งรอคุณอาลีในรถ 4WD ด้วยความเด๋อ หนึ่งนาทีต่อมาจึงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังนั่งฝั่งคนขับ (ด้วยความเคยชินหลังจากที่ขับรถมาทั้งวัน) คุณอาลีแกล้งทำเป็นไม่เห็น สักพักฉันจึงสลับไปนั่งด้านข้างก่อนที่เขาจะเดินมาถึงรถ”
ฉันดึงกล้องออกมาเก็บภาพระหว่างทาง พลางชวนคุณอาลีคุยว่าเขาจำทางในทะเลทรายได้อย่างไร เพราะทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาลและไม่มีป้ายบอกทาง คุณอาลีบอกฉันว่า เขาโตมากับที่นี่ เขาจำมันได้ทุกรายละเอียด
เขาถามฉันว่าอยากขับ 4WD ขึ้นเนินทรายดูไหม ฉันบอกเขาว่า คุณขับน่ะดีแล้ว…พร้อมยิ้มแห้งๆ เพราะยังจำประสบการณ์ครั้งก่อนที่นั่งรถข้ามทะเลทรายในอินเนอร์มองโกเลียได้ฝังใจ
สักพัก เขาก็ยื่นช็อคโกแลตให้ บอกว่าขนมไว้กินระหว่างทาง ประมาณ 11 กม.จากออฟฟิศเข้าไปยังทะเลทรายกว่าจะถึงแคมป์ที่พัก ในมือฉันข้างหนึ่งเลยถือกล้อง อีกข้างหนึ่งเลยกำช็อคโกแลตไว้แน่นราวกับหวงว่าเขาจะยึดคืน



เขาพามาถึงแคมป์ และปล่อยให้ฉันได้ใช้เวลาช่วงเย็นไปกับการเดินสำรวจแคมป์และชมพระอาทิตย์ตกดิน เช่นเดียวกับนักเดินทางคนอื่นๆ แคมป์ของ Oman Desert Private Camp ใหญ่มาก นอนได้ 3-4 คน ตัวแคมป์ยกสูงจากพื้นด้วยคานเหล็กที่แข็งแรงและสะอาดสะอ้าน ห้องน้ำสร้างไว้ติดกัน ใช้อาบน้ำหรือล้างหน้าก็ได้ มีลานดูดาวหน้าแคมป์ปูด้วยพรมหญ้า มีที่นอนและที่นั่งแบบพับได้ไว้สำหรับรองนอนที่ลานดูดาว


“ผมชอบนะ นอนข้างนอกดูดาว บางครั้งผมก็ชอบนอนด้านนอกทั้งคืน ลมเย็นดี ดาวสวยมากด้วย”
ฉันจินตนาการถึงคุณอาลีตอนเป็นเด็ก แล้วนอนดูดาวอยู่หน้าแคมป์ขึ้นมาได้แว้บหนึ่ง…


ที่พักที่นี่หลังละประมาณ 65 OMR (ราคาแบบรวมอาหารค่ำและมื้อเช้า) หรือประมาณห้าพันบาท หากใครมาเที่ยวโอมานกับเพื่อนก็หาร 3 ได้สบายๆ แต่ฉันมาคนเดียว ที่นอนทั้งหลังเลยเป็นของฉัน

ตกค่ำ หลังจากสนุกอยู่กับการส่องดวงจันทร์อยู่พักใหญ่ ก็ทำใจแล้วว่าคืนนี้เป็นคืนเดือนแจ้ง ท่าทางจะเห็นดาวลำบาก ฉันเดินออกจากแคมป์ประมาณ 300 ม. ไปยังแคมป์กลางที่เป็นเรือนรับรองเพื่อทานมื้อค่ำกับคนแปลกหน้ามากมายที่ไม่รู้จัก ทุกคนล้วนเป็นนักเดินทางที่มาเที่ยวโอมาน สาวๆ อเมริกันที่นั่งหัวโต๊ะ 4 คนท่าทางจะมาด้วยกัน ดูตื่นเต้นและชื่นชอบกับอาหารของที่นี่มาก สองสามีภรรยาสูงวัยที่นั่งข้างฉันเป็นฝรั่งที่ทำงานที่ดูไบ พวกเขาดูใจดีและเป็นมิตร ส่วนที่น่าทึ่งคือคู่รักที่นั่งตรงข้ามฉัน
พวกเขาลาออกจากงานเพื่อเที่ยวรอบโลกได้หลายเดือนแล้ว!
ฝ่ายชายเป็นมังสวิรัติ สวมแว่น หน้าตาหล่อเหลา และเป็นมิตร ส่วนฝ่ายหญิงเป็นทนายความ สวยสง่าและดูใจเย็น
อีกกลุ่มหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสที่ฉันยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยด้วย

บางคนมาใกล้หน่อยจากดูไบ บางคนมาจากโซนยุโรป บางคนมาจากอเมริกา (ส่วนเคทเป็นตัวแทนประเทศไทยค่า 555+)
จะบอกว่าเจอสาวสวยคนนึงหน้าเหมือนจูเลียโรเบิร์ตเลยค่ะ แต่ไม่กล้าทักเค้า เหอๆ


เพราะลมในทะเลทรายค่อนข้างแรงมาก ทั้งกลางวันและกลางคืน
คืนนั้น ลมพัดแรง หอบเอาทรายในทะเลทรายเข้ามาในช่วงแรกๆ ฉันก้มลงปัดฝุ่นทรายบนเตียงนอน ก่อนจะภาวนาให้ลมสงบลง สักพักก็หอบหิ้วเอากล้องและขาตั้งกล้องออกไปถ่ายดาวเล่นที่ลานด้านนอก ทั้งๆ ที่รู้ตัวดีว่าตัวเองถ่ายดาวไม่เป็นเลย
ฉันไม่อยากหลับเลย..
ภาพบรรยากาศที่ฉันเห็นตรงหน้า เหมือนตัวเองกำลังเดินอยู่บนดาวอังคาร..บนฐานประจำการอะไรสักอย่าง..ความเงียบที่หาไม่ได้จากที่ไหน..แสงจันทร์ที่สาดแข่งกับแสงดาวนับพันที่พร่างพรายเต็มฟ้า..เสียงลมหวิวๆ พัดมาแรงราวกับลมชายหาด พัดเข้าตีเต๊นท์เป็นระยะๆ..แสงของห้องน้ำในแคมป์ดูโดดเด่นในยามราตรี ตัดกับเงาของเนินทรายที่พาดผ่านเส้นขอบฟ้า
ฉันไม่อยากหลับเลย..
ฉันเหมือนเดินย่ำอยู่บนดาวอังคาร..คนเดียว และกำลังถูกสะกดด้วยดวงจันทร์กลมโตที่ลอยอยู่เบื้องหน้า
‘La lune’ (พระจันทร์) ฉันนึกถึงคำที่นักเดินทางชาวฝรั่งเศสพึมพำเมื่อช่วงค่ำ ในขณะที่กำลังอาบแสงจันทร์เพียงคนเดียวในรัตติกาลนี้.

….
อ่านเรื่องราวการ Roadtrip ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโอมานได้อีกในบทความ
เที่ยวโอมาน หมู่บ้านโบราณบนหุบเขา ใกล้แกรนด์แคนยอนแห่งอาระเบีย
เที่ยวโอมาน ลุยเดี่ยวตระเวน Roadtrip แดนเบดูอิน
ขอวีซ่าโอมาน (Oman) ขั้นตอนการยื่นวีซ่า online (อัพเดท 2022)
ฝากเพื่อนๆ ติดตามเรื่องเล่าจากการเดินทาง+ทริปแบบมันส์ๆ ได้ที่ 🥰🐯
Facebook: https://web.facebook.com/katewandermore
IG : https://www.instagram.com/kate_wandermore/
YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCg1osBd51nmLKnPvmeG-JSQ
ชอบมากครับ รู้สึกถึงความอิสระเวลาไปเที่ยวแบบนี้
ถูกใจถูกใจ
ขอบคุณค่า 😀😀
ถูกใจถูกใจ