เที่ยวโอมาน แบกเป้ลุยเดี่ยว Roadtrip ณ ดินแดนวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวเบดูอิน ประเทศในตะวันออกกลางที่อาจอยู่นอกสายตาของบรรดานักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ แต่เต็มไปด้วยความครบเครื่อง ทั้งทะเลทราย แกรนด์แคนยอน โอเอซิส ทะเลสวยๆ ฯลฯ
สเป็คเคทเลยค่ะ!
ขอออกตัวก่อนว่า ตั้งแต่เคทออกเดินทางคนเดียวมานานหลายปี จนได้มาทำเพจ แทบ ‘ไม่เคย’ เห็นตัวเองเช่ารถขับต่างประเทศเลยสักครั้ง เพราะเคทเป็นคนไม่ค่อยขับรถ กลัวว่าจะไม่คุ้นทางต่างถิ่น อีกทั้งทริปที่ไปส่วนใหญ่จะเน้นต่อรถต่อราเองเสียมากกว่า เพราะเน้นไปเทรคกิ้ง เดินเขา เข้าป่า … บางที่ที่ไม่มีรถไปถึง ก็ต้องอาศัยจ้างชาวบ้านให้ไปส่ง ค่าใช้จ่ายบางส่วนเลยต้องเผื่อไว้สำหรับการจ้างคนขับรถหรือไกด์ท้องถิ่นด้วย
แต่สำหรับโอมาน..โอมานเป็นประเทศแรกที่เคทตัดสินใจเช่ารถขับเอง เพราะมันขับง่ายมากจ่ะแม่ (โดยเฉพาะเมื่อออกนอกเมือง) บ้านเมืองเขาเจริญมากกก ถนนหนทางคือดี แม้แต่ต่างจังหวัดยังเห็นถนนลูกรังน้อยมาก ส่วนใหญ่ถนนลาดยางไปถึงหมด แม้แต่หมู่บ้านบนภูเขา
และการเช่ารถขับเองในการเที่ยวโอมาน…ถือว่าคุ้มค่ามาก ค่ำที่ไหนก็แวะนอนที่นั่น หากตื่นสายและต้องการปรับเปลี่ยนแผนเดินทางใหม่ ก็ทำได้อิสระตามใจ แถมยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายพวกทัวร์ต่างๆ ได้อีกด้วย
จุดเริ่มต้นที่อยากไปโอมาน เพราะโอมานมีทุกอย่างที่เคทชอบ..
โบราณสถาน..ทะเล..โอเอซิส..บรรยากาศแบบ Arabian Night เหมือนในหนังเรื่องอะลาดิน..แกรนด์แคนยอน…วัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวเบดูอิน…และทะเลทราย!
บทความนี้เลยอยากแชร์แผนการเดินทางเที่ยวโอมาน แบบ 6-7 วัน สามารถไปเที่ยวตามได้เลย จะไปเองหรือไปกับเพื่อนเคทก็ว่าคุ้มนะ (โดยเฉพาะคืนที่นอนดูดาวกลางทะเลทรายเป็นประสบการณ์ที่ฟินมากกกกก!!! ใครมีแฟนควรจูงแฟนไป เพราะมันโรแมนติกมากเลยค่ะ ^^)
ดาวน์โหลดแผนการเดินทาง เช็คลิสต์สิ่งของ และแผนค่าใช้จ่าย (ปรับเปลี่ยนได้ตามแต่ละบุคคล) ได้ที่นี่


DAY 1 BKK – Muscat
เริ่มต้นไม่ค่อยดี
นับว่าเป็นความไร้สติของตัวเอง เพราะก่อนออกจากสุวรรณภูมิตอนรอเรียกขึ้นเครื่อง เคทก็แวะทานข้าวที่สนามบิน พอทานเสร็จจะไปจ่ายเงิน ก็เช็คของในกระเป๋าถือ ด้วยความที่ม้านั่งเป็นแบบยาว นั่งริมสุด พอกระเถิบเพื่อปิดและยกกระเป๋า ก็ลืมไปว่ามันริมสุดของม้านั่งแล้ว ไม่มีพื้นที่แล้ว
ตกจากเก้าอี้จ้า!
เสียงดังสนั่นราวกับช้างล้ม คนในร้านทั้งไทยและต่างชาติหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน
ทั้งอายทั้งเจ็บ เลยได้แต่ลุกขึ้นช้าๆ มองไปรอบๆ บอกด้วยสายตาประมาณว่าเราไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องห่วง ทั้งๆ ที่ความรู้สึกตอนนั้นคือก้นชาไปแล้ว และเจ็บมาก เดินกะเผลกๆ ไปจ่ายเงินค่าอาหารด้วยความปวด
หลังจากไปผจญภัยที่โอมาน กลับมาถึงไทยได้สิบวัน เห็นว่าอาการปวดยังไม่หายลง (เพราะพอมาไทย เคทต้องนั่งวินมอไซค์ไปทำงานทุกเช้า เจอถนนผิวพระจันทร์ในกรุงเทพเข้าไปนี่ น้ำตาไหลเลยจ้า) เลยตัดสินใจหาหมอ หมอบอกว่ากระดูกก้นกบร้าวและเคลื่อนนิดหน่อย กว่าจะหายใช้เวลานานเป็นเดือน
…งงตัวเองมากว่า ตอนอยู่โอมาน ทั้งขับรถนานๆ ทั้งปีน ทั้งเดิน ทนไปได้ยังไง T^T

อุปสรรคยังไม่หมดแค่นั้น…หลังจากไปรอที่ GATE เพื่อรอเรียกขึ้นเครื่อง ปรากฏว่ารอนานแล้วยังไม่มีวี่แววว่าสนามบินจะเรียก พอผ่านเวลาเรียกขึ้นเครื่อง ป้าย GATE ก็เปลี่ยนเป็นไปกรุงโซล เกาหลี เฉย !ทำเอาคนนับร้อยที่จะไปมัสกัตยืนงงเป็นไก่ตาแตก ถามเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีใครทราบเรื่อง เจ้าหน้าที่เลยช่วยประสานงานให้ ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงก็ได้คำตอบว่าให้รอคอนเฟิร์มจากสนามบิน
สุดท้ายต้องเปลี่ยนไป GATE อื่น เพราะทุกอย่างดีเลย์จากสภาพอากาศย่ำแย่ ผู้โดยสารนับร้อยเลยต้องเดินไปหา GATE ใหม่ และรอกันใหม่อีกครั้ง

DAY 2 Muscat – Nakhl
เคทมาถึงมัสกัตหลังเที่ยงคืน เริ่มต้นตอนเช้าด้วยการไปรับรถเช่าตามที่นัดไว้กับทาง Nomad Tours จะมีคุณลุงคริส ฝรั่งใจดีออกมาต้อนรับ สักพักบริษัทรถเช่าก็พารถที่เคทจองไว้มาให้ (เคทไม่ได้เช่า 4WD แต่เช่าเป็นรถธรรมดาแทน เพราะมีคนบอกว่าสามารถขึ้นไปถึงแกรนด์แคนยอนได้เหมือนกัน แต่ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้เช่า 4WD สำหรับคนที่แพลนจะขึ้นแกรนด์แคนยอนดีกว่านะคะ เพราะรถเล็กขึ้นลำบาก)
หลังจากรับรถแล้วก็เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมในมัสกัต ทานข้าวเที่ยง แล้วขับรถมุ่งหน้าสู่ Nakhl Fort ซึ่งอยู่ห่างจากมัสกัตแค่ 1 ชั่วโมง แต่เนื่องจากวันแรกเคทตื่นสาย และใช้เวลาวันแรกไปกับการขับรถหลงในเมือง กว่าจะแวะทานข้าวและขับมาถึง Nakhl ก็ปิดไปแล้วเรียบร้อย (มาช้าไปแค่ 15 นาที) พวก Fort ต่างๆ ส่วนใหญ่จะปิดเวลา 4 โมงเย็นค่ะ

จากนั้นก็ขับไปที่เมือง Rustaq เพื่อชม Rustaq Fort ในวันถัดไป หากใครเวลาไม่พอให้ข้ามไปได้เลยนะ เพราะ Fort ที่น่าสนใจเคทว่าเป็น As Sulaif Fort ที่เมือง Ibri มากกว่า
แขกคนเดียวของโรงแรม
ที่ Rustaq ความยากคือมีโรงแรมเพียงแห่งเดียวในเมือง แถมในเมืองก็ยังขับรถยากด้วย โดยเฉพาะตอนกลางคืน ใครอยากประหยัดสามารถจอดรถนอน หรือแคมป์ปิ้งที่ไหนก็ได้ (ยกเว้นถ้าเป็นในเมืองมัสกัต ต้องนอนโรงแรมเท่านั้นค่า)
ด้วยความปวดก้นกบจากวันก่อน (555+) แผนที่จะจอดรถนอนของเคทเลยต้องถูกพับไปโดยปริยาย
เลยหาโรงแรมที่เขาว่ามีเพียงแห่งเดียวที่ Rustaq ชื่อโรงแรม Al-Shomok Hotel Tourism ปรากฏว่าหายากมาก Google Map ก็พาหลงขึ้นเขาไปบ้านใครไม่รู้ ตลกดี (แถมบ้านคนที่นั่นก็หลังใหญ่ๆ เหมือนรีสอร์ทแทบทุกหลังเลย)
ตอนนั้นทั้งมืด..ทั้งเหนื่อย..ทั้งหลง…
แต่ก็เหมือนมีแสงนำทาง.. เพราะคนที่บ้านนั้นใจดี อุตส่าห์เอารถออกเพื่อนำทางให้เคทขับตาม แถมลูกสาวของเขาบอกก่อนจากกันว่า
“ถ้าคุณอยู่ที่นี่แล้วต้องการอะไร คุณมาหาฉันที่บ้านได้ทุกเมื่อเลยนะ” พร้อมรอยยิ้มอุ่นๆ จากสาวน้อยที่สวมฮิญาบ
ได้ยินประโยคนั้น จากที่เหนื่อยและเฟลมาทั้งวันก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ ซาบซึ้งน้ำใจของคนที่นี่มาก
หากมาพักที่โรงแรม Al-Shomok Hotel Tourism แนะนำให้ขอห้องด้านหน้าที่หันหา City View ค่ะ เพราะพอตื่นเช้าขึ้นมา แหวกม่าน เปิดระเบียงออกไป ก็จะได้เห็นวิวแบบนี้



DAY 3 Rustaq – Ibri
ตื่นเช้า ก็ขับจาก Rustaq ไปดู Rustaq Fort (ส่วนเคทขอข้ามไป เพราะกลัวว่าจะขับรถไม่ทัน) จากนั้นก็ขับตรงไปที่เมือง Ibri ไปยัง As Sulaif Fort เป็นป้อมปราการที่ดูเก่าแก่และน่าค้นหาแห่งหนึ่งในโอมาน
ในโอมานมี Fort หรือปราการอยู่มากมาย และหลายๆ แห่งก็เคยเป็นปราสาทมาก่อนในอดีต As Sulaif Fort เป็นปราการในเมือง Ibri โอมาน ถูกสร้างโดยสุลต่านในราชวงศ์ยารูบี มีตัวปราสาท และบ้านเรือนมากมายในบริเวณนี้ รวมทั้งมัสยิดด้วยค่ะ สภาพปัจจุบันค่อนข้างทรุดโทรมลงไปมาก แต่ก็คงเสน่ห์ตามฉบับโบราณสถานเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน
ใครมาที่นี่ จะเห็นว่ามีคุณลุงคนนึงคอยดูแลสถานที่อยู่ค่ะ และทำหน้าที่เป็นไกด์ด้วย



จากนั้นก็ขับไป Bahla Fort เคทชอบที่นี่มาก เพราะบรรยากาศเหมือนหลุดมาจากในซีรีส์ Games of Throne เลยค่ะ

เย็นๆ เคทก็ขับจาก Bahla Fort ไปหาที่นอนที่ หมู่บ้านเก่าแก่ ที่บ้านในหมู่บ้านนี้ทำจากดิน (mud house) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากแกรนด์แคนยอนค่ะ ชื่อหมู่บ้าน Misfat al Abriyyin มาถึงที่นี่เหมือนได้หยุดพัก หายใจได้ทั่วท้องหลังจากขับรถมาทั้งวันค่ะ แนะนำให้นอนพักที่เกสเฮ้าส์ Misfah Old house คืนละ 25 OMR (รวมอาหารเย็นและอาหารเช้า)


หากใครมาถึงไว สักบ่ายสาม แนะนำให้ไปกางเต้นท์นอนที่ Jabal Shams View Point 3 เพื่อที่จะได้ตื่นมาเห็นวิวแกรนด์แคนยอนเลยในยามเช้า แล้วค่อยแวะมาเที่ยวหมู่บ้านนี้ในวันถัดไปค่ะ
ส่วนเคทไม่ได้ไป เพราะกว่าจะถึงหมู่บ้าน Misfat al Abriyyin ก็ 18.00 พอดี ถ้าขับขึ้น Jebel Shams ตอนค่ำก็กลัวจะอันตราย เลยขอพักที่หมู่บ้านนี้เลยละกัน
ใครมาที่หมู่บ้านนี้แนะนำให้จอดรถไว้ตรงปากทางเข้าค่ะ เพราะด้านในหมู่บ้านแคบมาก ไม่มีที่จอดเลย
ข้อควรระวัง: ตอนขับรถขึ้น Misfat al Abriyyin พยายามขับช้าๆ ระมัดระวังค่ะ เพราะสูง มีบางโค้งเป็นโค้งแบบหักมุม และอาจมีรถขับสวนมาจากข้างบนได้ตลอดเวลา

DAY 4 Jebel Shams แกรนด์แคนยอนแห่ง Arabia – Bidiyah
Jebel Shams วิวตระการตา ของแกรนด์แคนยอนแห่ง Arabia
ใครที่มา พักที่หมู่บ้าน Misfat al Abriyyin เลยขึ้นไปหน่อยก็จะถึงแกรนด์แคนยอนของโอมานละค่า แต่แนะนำว่ารถที่จะเอาขึ้นไปแกรนด์แคนยอนควรเป็น 4WD น้า เพราะเป็นภูเขาสูง (มีคนเคยบอกว่ารถเก๋งปกติก็ขึ้นไปได้ค่ะ แต่ถ้าให้ดีควรเป็น 4WD มากกว่า) บางคนก็ไปกางเต้นท์นอนที่แกรนด์แคนยอนเลย เพื่อตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ หรือจะอยากไปพักที่หมู่บ้าน Misfat al Abriyyin ก็จะสะดวกสบายกว่า แถมยังได้นอนเต็มอิ่ม ก่อนออกเดินทางไปเมืองต่อไปด้วยนะ 😊


จากแกรนด์แคนยอน ก็แวะไป Nizwa Fort หน้าป้อมแห่งนี้จะมีตลาดเก่าๆ ขายของที่ระลึกของคนท้องถิ่นอยู่ค่ะ
Nizwa Fort เป็นปราการที่สร้างขึ้นโดยสุลต่านองค์ที่ 2 ของราชวงศ์ยารูบี สุลต่านบิล ซาอีฟ อัล ยารูบี นับเป็นป้อมปราการที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งแต่ปี 1650 เพราะเมือง Nizwa ต่างเคยมีข้าศึกมารุกรานอยู่บ่อยครั้ง เพราะเป็นเมืองที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นพื้นที่ทางยุทธศาสตร์สำคัญของเส้นทางการค้าหลายเส้นทางอีกด้วยค่ะ
ตัวป้อมปราการจึงสะท้อนสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ยารูบีตอนต้นเลยค่ะ (มีคนบอกว่าโครงสร้างเดิมเก่าแก่กว่านั้น คือสร้างโดยอิหม่ามตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 แล้วสุลต่านมาบูรณะในปี 1650)
Nizwa Fort เปิด 08.00-20.00 น.ทุกวันค่ะ อยู่ไม่ไกลจาก Misfat al Abriyyin และ Nizwa Souq


ให้แวะปั้ม เติมน้ำมัน ตุนของกินไว้เยอะๆ เพราะต่อจากนี้ เราจะต้องขับรถรวดเดียว 4-5 ชม. เพื่อไปยัง Bidiyah (บิดิย่าห์) เมืองแห่งทะเลทรายของโอมาน
เคทไปถึงบิดิย่าห์ ประมาณ 4.30 ทางแคมป์เขาจะให้เราจอดรถไว้ที่ออฟฟิศของเขาค่ะ แล้วให้เรานั่งรถ 4WD ของเขาเข้าไปในทะเลทราย ระยะทางจากออฟฟิศ ถึงที่พักในทะเลทรายประมาณ 11 กม.
แนะนำ Oman Desert Private Camp ค่ะ เพราะได้บรรยากาศอาราเบียอย่างแท้จริง ที่พักน่ารักมาก และบริการดีมากๆ กลับมาแบบประทับใจแน่นอน เคทเจออาลี พนักงานของที่นั่น อาลีใจดีมาก จะให้เคทขับรถ 4WD ในทะเลทรายเองด้วย เคทบอกว่า ไม่เป็นไร คุณขับน่ะดีแล้ว 555+
หน้าเต๊นท์เขาจะทำลานดูดาวไว้ให้ ใครชอบถ่ายภาพดาวก็เพลินเลย จองที่พักได้จากลิงค์นี้ค่ะ
พักในทะเลทราย 1 คืน (หรือถ้าใครเวลาเหลือ จะพักสองคืนเลยก็ดีนะ)
แนะนำให้ดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็น ส่วนตอนเช้าให้ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ จะเห็นหมอกจางๆ อยู่กลางทะเลทราย สวยแปลกตาดี
อ่านเรื่องเต็มได้ที่ เที่ยวโอมาน: นอนนับดาวกลางทะเลทราย ฟีลแคมป์บนดาวอังคาร


DAY 5 Bidiyah – Sur – Muscat
ตอนเที่ยง ออกจากทะเลทราย ขับจากบิดิย่าห์ ไป Sur (ราว 2 ชม.) Sur เป็นเมืองชายทะเลของที่นี่ค่ะ คนมักชอบไปค้างคืนเพื่อดูเต่าวางไข่ตอนกลางคืน และตอนเช้ามืดกัน
จาก Sur ก็ขับไปดูเมืองโบราณแห่ง Qalhat (ประมาณ 1 ชม. จาก Sur) เป็นที่แวะระหว่างทางที่เราจะไป Wadi Shab กันในวันนี้
จริงๆ โอมานมี Wadi หลายแห่งค่ะ แต่ Wadi Shab เป็นพื้นที่โอเอซิสที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในโอมาน มีน้ำสีเขียวใสเป็นแอ่งในหุบเขา ความลึกตั้งแต่ 0.5 ม. จนถึง 8 ม.


เข้าไปใน Wadi ต้องนั่งเรือข้ามฟากไป ถ้าให้ดีควรมีไกด์นำทาง เพราะทางค่อนข้างไกลอยู่เหมือนกัน เดินไปกลับประมาณ 2 ชม. ลงเล่นน้ำที่ wadi ประมาณ 1 ชม. เราจึงควรให้เวลากับที่นี่สัก 3 ชม.ไปเลย (ตอนแรกกะว่าจะแค่แว้บๆ มา ปรากฏว่าเดินไกลกว่าที่คิดค่ะ) ที่นี่มีห้องน้ำให้เปลี่ยนเสื้อผ้า อย่าลืมเอาถุงไปใส่เสื้อผ้าเปียกด้วยล่ะ

เสร็จแล้วก็ตรงไป Bimmah Sinkhole ซึ่งอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เป็นหลุมยุบขนาดใหญ่และลึก น้ำใสมาก ลงว่ายน้ำเล่นได้ (แต่หากว่ายไม่แข็ง ระวังอย่าไปที่ลึกจนเกินไปค่ะ เผื่อเป็นตะคริว เพราะที่นี่ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล มีแต่นักท่องเที่ยวด้วยกัน)

เรียกได้ว่าวันนี้เป็นวันตัวเปียก เพราะเล่นน้ำทั้งวัน แล้วต้องขับรถกลับมัสกัต เพราะแถว Bimmah Sinkhole ไม่มีโรงแรม คืนนั้นเลยขับรถกลับมัสกัตอย่างล้าๆ
ข้อควรระวัง: ขากลับมัสกัต ตรง Muscat Express Way ให้ขับระวังค่ะ เพราะจุดนี้โค้งเยอะถี่ๆ และรถขับกันค่อนข้างเร็ว
DAY 6 Mutrah Corniche – Mutrah Souq
ในมัสกัต แนะนำให้หากิจกรรมดำน้ำ เทรคกิ้ง หรือเที่ยวบาซาร์ในเมืองดูค่า
พวกกิจกรรมดำน้ำ และสนอร์เกิ้ล ต้องจองไว้ล่วงหน้า ส่วนใหญ่เรือจะออกจากท่าตอน 8.00 แล้วกลับตอน 14.00
ใครที่อยากหา off-the-beaten path ในมัสกัต แนะนำให้ติดตามบล็อกเกอร์ท้องถิ่นชาวโอมานคนนี้ค่ะ
อ้อ! อย่าลืมแวะทานมื้อเย็นที่ Mutrah Corniche +เดินเล่นตลาดเก่าแก่ Mutrah Souq ด้วยนะคะ


Tips:
- ควรเพิ่ม buffer day ไว้ 1 วันค่ะ เผื่อขับรถไม่ทัน จะได้มีวันสำรองเอาไว้
- ที่พัก จองโรงแรมเฉพาะในมัสกัต เพราะนอกมัสกัต สามารถนอนในรถ หรือปักเต๊นท์นอนได้ ส่วนโรงแรมหรือเกสเฮ้าส์ walk in เข้าไปได้ค่ะ เพราะตอนที่เคทไป แม้จะเป็นช่วง high season ก็ยังมีห้องว่าง (สำหรับคนที่เดินทางคนเดียว) และถ้าจองไปก่อน แล้วขับรถไม่ทัน หรือต้องปรับเปลี่ยนแผนการเดินทาง จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่พักที่จองไว้แล้วค่ะ
- Navigation app ที่ใช้ขับรถ แนะนำ Waze แทนการใช้ Google Map เคทใช้แล้วหลงน้อยลง เพราะ user interface ดูใช้งานง่ายกว่า ขับรถถึงจุดหมายเร็วขึ้น แถมมีบอก speed camera/ บอกตำรวจด้วย 555+ น่ารักดีค่ะ
- Mutrah Souq เป็นพื้นที่แห่งการต่อรองค่ะ ถ้าเราไม่สนใจสินค้า ให้พูดคำเดียวว่า No, thanks ฮะๆๆ
การแต่งกาย
โอมานเป็นประเทศมุสลิม แม้จะทันสมัยและมีความคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยว แต่แนะนำให้เราสวมเสื้อแขนยาว-ขายาว เพื่อเป็นการเคารพสถานที่ค่ะ ส่วนจะคลุมผมหรือไม่ก็ได้

ภาษา
คนโอมานส่วนใหญ่ แม้ในต่างจังหวัด พูดภาษาอังกฤษได้ค่ะ
เงิน
ที่นี่ใช้เงินสกุล OMR โอมานเรียล ซึ่งเป็นสกุลที่มีมูลค่าสูงที่สุดอีกสกุลหนึ่งของโลก (1 OMR = 80 บาทไทย) ค่าครองชีพที่นี่แพงมากค่ะ บางคนบอกว่าแพงกว่าดูไบเสียอีก แต่ภาพรวมแล้วเราจะไม่ได้เสียเงินไปกับอะไรมาก นอกจากค่าโรงแรม
วิธีแลกเงิน แนะนำให้แลกจากไทยเป็น USD ไป แล้วพอไปถึงสนามบินมัสกัต ให้เอา USD ไปแลกเป็น OMR ค่ะ
รูดบัตรเครดิตได้ทั่วไปค่ะ ที่นี่เขาชอบพกเครื่องรูดบัตรกัน ขนาดโบราณสถานบางแห่ง เช่น Bahla Fort ยังเก็บค่าเข้า 0.5 OMR ด้วยการรูดบัตรเครดิตเลยค่า
อากาศ
อากาศค่อนข้างร้อนกว่าบ้านเรามาก สมกับเป็นตะวันออกกลางจริงๆ ช่วงที่อากาศร้อนน้อยที่สุดคือช่วงเดือนตุลาคม ทำให้เป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวมากที่สุด (ราวๆ 32 องศา)
น้ำมัน
เนื่องจากโอมานเป็นผู้ผลิตน้ำมัน น้ำมันที่นี่เลยราคาไม่แพงค่ะ
- ครึ่งถัง 5 OMR
- เต็มถัง 10 OMR
ซิมการ์ด
ซิมท้องถิ่น ให้ซื้อที่สนามบินได้เลยค่ะ แม้จะลงเครื่องหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไปแล้ว ร้านที่สนามบินทั้งร้านแลกเงินและร้านขายซิมก็ยังคงเปิดบริการ
ปลั๊ก
ปลั๊กในโอมาน จะเป็นแบบสามขาหัวแบน ตามภาพค่ะ

อ่านเรื่องราวการ Roadtrip ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโอมานได้อีกในบทความ
ลุยเดี่ยว หลงไปให้ถึง…ดาวอังคาร ที่ Shāhiq โอมาน
ขอวีซ่าโอมาน (Oman) ขั้นตอนการยื่นวีซ่า online (อัพเดท 2022)
เหตุเกิดที่โอมาน: เอาชนะความกลัว ด้วยการทำให้ฝันร้ายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาซะเลย! EP. 1
วิธีขับรถ Roadtrip เที่ยวเองใน Oman แนะนำแอพพลิเคชั่นนำทาง และข้อควรระวัง
Wadi Shab Hike: สำรวจโอเอซิสกลางทะเลทรายใน Oman กับแอ่งน้ำสีมรกต
ฝากเพื่อนๆ ติดตามเรื่องเล่าจากการเดินทาง+ทริปแบบมันส์ๆ ได้ที่
Facebook: https://web.facebook.com/katewandermore
IG : https://www.instagram.com/kate_wandermore/
YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCg1osBd51nmLKnPvmeG-JSQ