ก่อนไปเดินป่าที่ที่ราบสูงโบโลเวน ลาวใต้ ยอมรับว่ากังวลอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะข้อมูลที่หาได้ส่วนใหญ่เขาไปกันเป็นหมู่คณะ และมีการติดต่อกับคนท้องถิ่นไว้ เรียกว่าจัดแจงเรียบร้อยแล้ว ส่วนเคทไม่มีอะไรเลย
- ไม่มีข้อมูลของคนท้องถิ่น หรือเบอร์โทรของผู้ใหญ่บ้าน
- ไม่เช่ารถ ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ (เพราะเป็นคนขับมอเตอร์ไซค์ไม่ได้) ไปประเทศไหนก็ถนัดต่อรถ หรือโบกรถไปเรื่อย ๆ
- ไปคนเดียว จะไปปักเต๊นท์นอนในป่าคนเดียวมันก็ยังไง ๆ อยู่
- ขาดข้อมูลว่าถ้าไปคนเดียว สามารถเดินป่าแบบไป-กลับโดยไม่ต้องปักเต๊นท์นอนในป่าได้หรือเปล่า และหากได้ จะไปถึงน้ำตกอะไรบ้าง เพราะที่ลาวใต้น้ำตกใหญ่ที่เขานิยมเดินป่าไปจะมี ตาดเสือ ตาดขมึด ตาดตาเก็ด ตาดสักการะ (ส่วนตาดฟานสามารถนั่งรถไปชมตอนขากลับได้ ขึ้นอยู่กับว่าขากลับจากปากซองเราไปรถอะไร และเขาจะแวะให้หรือไม่)
- ไม่มีการจองที่พักหรือไกด์เดินป่าชาวท้องถิ่นไว้ล่วงหน้า
เลยอยากจะมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ที่อยากจะออกเดินทางไปเดินป่าที่ลาวใต้คนเดียวได้มีข้อมูลพร้อมสำหรับการเดินทาง เพราะจริงๆ แล้วลาวใต้เที่ยวง่ายมากค่ะ ผู้คนเข้าใจภาษาไทย อาจพูดสื่อสารภาษาไทยไม่ได้ แต่ก็ฟังเราเข้าใจ ชาวบ้านในชนบทก็มีน้ำใจ ค่าครองชีพอาจสูงในบางพื้นที่ แต่พอเข้าถึงหมู่บ้านหนองหลวงค่าครองชีพจะถูกมาก เช่น ค่าที่พักคืนละร้อย เป็นต้น
อ่านเรื่องราวการเดินทางไปลาวใต้ฉบับเต็มได้ที่: เดินป่าฝ่าดงทาก บนที่ราบสูงโบโลเวน ณ ลาวใต้ ฉบับไปเอง
ส่วนวิธีต่อรถ อาจจะหลายต่อและดูสมบุกสมบันหน่อย ดังนี้
1) จากกทม. ไปด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี เคทนั่งรถทัวร์ไปค่ะ เที่ยวกลางคืน สองทุ่ม ถึงด่านช่องเม็กเช้าตรู่ เจ็ดโมงกว่า ๆ ซึ่งตอนนั้นด่านตม.ยังไม่เปิดทำการ ระหว่างรอให้เขาเปิด 08.30 เราก็หาอะไรทานรองท้องก่อนที่ขนส่ง มีทั้งอาหารตามสั่ง ก๋วยจั๊บญวณ และข้าวเหนียวหมูแดดเดียว
2) ทำเรื่องผ่านด่าน ข้ามไปฝั่งลาว ต้องเดินจากขนส่งไป 500 ม. ไปยังอาคารที่มีหลังคาสีม่วง ยอดแหลมๆ ระวังระหว่าง Border Pass (ทำเรื่องผ่านด่านชั่วคราว) กับทำเรื่องข้ามแดนไปท่องเที่ยวจะแตกต่างกัน
– Border Pass อยู่ตรงข้ามขนส่งเลย เสียค่าทำ 30 บาท เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะข้ามไปแค่ตลาด
– ทำเรื่องข้ามแดน ฝั่งลาวเก็บ 100 บาท สำหรับนักเดินทางที่จะไปลาวเป็นเรื่องเป็นราว มากกว่า 3 วันขึ้นไปแต่ไม่เกิน 30 วัน
3) พอทำเรื่องข้ามแดนที่ฝั่งลาวเสร็จ ผ่านตม.ลาวเรียบร้อย ด้านหน้าจะมีพี่วินเสื้อเขียวสะท้อนแสง จากจุดนี้ให้นั่งพี่วินไปคิวรถไปปากเซ บอกพี่วินว่าจะไปปากเซ พาไปคิวรถหน่อย 20 บาท
4) วินจะพามาส่งตลาดใกล้ชายแดน จุดนี้จะมีรถตู้และรถทั่วไปจอดอยู่ เคทก็ถามหารถไปปากเซ ปรากฏว่ามีรถชาวบ้านไปส่งปากเซค่ะ คันนึงก็รวมกันไปจนแน่นเต็มคัน คิดหัวละ 100 บาท

5) รถไปส่งถึงปากเซ ใช้เวลาราว 1 ชม.ค่ะ พอถึงตลาดปากเซ ก็เดินเข้าไปในตลาด ถามหารถสองแถวไป ‘ปากซอง’ (จุดนี้จะมีรถสามล้อมาห้อมล้อมเราเยอะหน่อย ก็บอกปัดไปว่าไม่ไปค่ะ จะไปสองแถว) ค่าสองแถวไปปากซอง 20,000 กีบเท่านั้นเอง (ซาวพัน) ถ้าจำไม่ผิดนะ
6) รถสองแถวหวานเย็น บอกเขาว่าขับไปส่งตรงปากทางเข้าหมู่บ้านหนองหลวงค่ะ ใช้เวลาราว 40 นาที – 1 ชั่วโมง
[booking_product_helper shortname=”search box – laos”]
รถสองแถวจากปากเซ ไปปากซอง
7) พอมาถึงปากซอยทางเขาหมู่บ้านหนองหลวง ให้หารถเข้าไป ซึ่งถามหาจากร้านขายของชำ เขาอาสาไปส่งนักท่องเที่ยวเป็นประจำค่ะ หรือจะรอรถสองแถวเข้าหมู่บ้านก็ได้ แต่อาจจะนาน และไม่รู้ว่าวันนึงมีกี่เที่ยว
เคทไปกับ นีโน่ ปากซอง เบอร์โทร 030 282 8031 (นีโน่เป็นหนุ่มลาวอัธยาศัยดีค่ะ คุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวไทย และไว้ใจได้ ขากลับโทรให้เขามารับกลับด้วยก็ได้นะ)
8) รถขับไปส่งถึงหมู่บ้านหนองหลวง ให้เขาจอดที่บ้านชาวบ้านที่เราสามารถเข้าพักแรมได้ และวานให้ทางที่พักหาไกด์ท้องถิ่นให้สำหรับเดินป่าในเช้าวันถัดไป แนะนำว่าให้คุยกับไกด์ให้เคลียร์ว่าจะไปจุดไหนบ้าง เพราะหากคุยผ่านที่พักอาจสื่อสารไม่ตรงกัน เคทเจอมาแล้วค่ะ ไกด์พาไปแค่ลานใหญ่ตรงเปราะภู เพราะที่พักบอกเขาแค่นั้น พอเราบอกว่ามาเดินป่าจะไปตาดขมึด ตาดเสือ ตาดตาเก็ด เลยกลายเป็นว่าต้องเดินย้อนเส้นทางกลับไปอีกไกลเลย และไกด์ที่เขาจัดสรรให้อาจไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะไปถึง (ถ้าเราบอกเขาก่อนออกเดินทาง แล้วเขาไปไม่ไหว เขาจะได้จัดแจงไกด์คนอื่นมาให้ค่ะ)
เบอร์โทรพ่อใหญ่ ไกด์ท้องถิ่น โทร. 020-582-19402
ขากลับ
ตอนประมาณ 8.00 เช้า จะมีรถสองแถวไปส่งตรงปากทางเข้าหมู่บ้านค่ะ หรือสามารถโทรหานีโน่ ให้นีโน่ไปส่งที่เดิมตรงปากทางเข้าหมู่บ้านเพื่อรอสองแถวไปปากเซ หรือให้เขาไปส่งที่ปากเซเลยก็ได้นะ


…………………………….
ซิม
ซิมลาว ต้องซื้อทั้งซิมโทรและซิมเน็ต แยกกันค่ะ ตรงตม.ลาวจะมีคนมาขายซิม ซื้อซิมโทรศัพท์จากตรงนี้ก็ได้ แต่อาจแพงหน่อย เพราะเคยเจอที่หมู่บ้านหนองหลวงขาย 40 บาท ในขณะที่ซื้อจากจุดนี้ 100 บาท
หัวปลั๊ก
หัวปลั๊กที่ลาวใต้ เหมือนของไทยเลยค่ะ ใช้ด้วยกันได้
เงิน
เคทแลกไปทั้งเงินกีบและเงินไทยค่ะ แลกเงินกีบเยอะหน่อย ซึ่งได้ใช้ทั้งสองสกุล ขากลับเงินกีบเหลือเยอะเลย ก็เอามาละลายซื้อของฝากได้ตรงตะเข็บชายแดน ได้ของฝากเป็นผ้าซิ่นและเสื้อลาวพื้นเมืองหลายชุด ซึ่งต้องใช้เงินกีบให้หมดเพราะที่ไทยจะไม่รับแลกเงินสกุลนี้ค่ะ
งบประมาณ
5000-7000 บาท
ฤดูที่ควรไป
– ฤดูเข้าพรรษาลาว เพราะเปราะภูจะบานสีม่วงสวยเต็มลาน เดือน ส.ค.-ก.ย.
– ฤดูฝน เหมาะกับการไปโหนสลิง
– หากไปตอนเดือน ธ.ค. เหมือนเคท น้ำตรงน้ำตกก็อาจจะเห็นน้ำน้อยกว่าเดิมหน่อยค่ะ แต่ดีตรงที่เราสามารถเดินข้ามลำห้วยไปได้เลยโดยไม่ต้องโหนสลิง
เวลา
4 วันเป็นอย่างต่ำ เพราะเดินทางด้วยรถหลายต่อ หากใครไปหลายคน อยากไปถึงตาดสักการะ แนะนำให้เผื่อเวลาไปอีก + 3 วันน้าา
อุปกรณ์เดินป่าที่ควรมี (นอกเหนือจากของพื้นฐาน)
– ถุง และสเปรย์กันทาก
– เป้แบบ one day เบา ๆ สำหรับแบ่งของออกเดินป่า ความจุสัก 10 ลิตร แล้วทิ้งเป้แบคแพคไว้ที่ที่พัก
– เสื้อกันฝน เพราะที่นี่ฝนตกได้ทุกวัน คาดเดาได้ยาก
– รองเท้าที่ใส่ลุยน้ำได้ ใส่เดินป่าได้ ยึดเกาะดีเยี่ยม แห้งไวไม่อุ้มน้ำ
– ซองกันน้ำใส่กล้อง mirror less/DSLR เพราะเข้าไปใกล้น้ำตกกระแสน้ำที่ลมพัดมาจะแรง บวกกับฝนที่อาจตกได้ทุกเมื่อ
– ถุงสำหรับเอามาใส่เสื้อผ้าและรองเท้าเปียก
-ไม้เท้าเทรคกิ้ง: รอบนี้เคทไม่ได้เอาไป รู้สึกสงสารเข่ามากเลยค่ะ ใครเอาไปด้วยสักอันนึงก็ดีนะคะ ช่วยพยุงตัวเพราะทางที่นี่เดินยากอยู่เหมือนกัน
รู้วิธีต่อรถและเช็คลิสต์ที่จำเป็นแล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นทริปที่สมบุกสมบันหน่อย แต่สะใจดีนะ พร้อมแบกเป้ไปเดินป่าที่ลาวใต้ได้คนเดียวแบบชิล ๆ หรือยังคะ ^^
/เคท Wander More
ฝากเพื่อนๆ ติดตามเรื่องเล่าจากการเดินทาง+ทริปแบบมันส์ๆ ได้ที่ 🥰🐯
Facebook: https://web.facebook.com/katewandermore
IG : https://www.instagram.com/kate_wandermore/
Twitter: https://twitter.com/kate_wandermore
One thought on “ลาวใต้ เดินป่าเอง คนเดียวและไม่เช่ารถ: ต่อรถยังไง”