1.เมื่อน้ำท่วมเขตอนุรักษ์ Rio de Prata เมืองจาร์ดิม บราซิล
ภาพสะพานไม้กลางป่าถูกน้ำท่วมหลากจนมิด ก่อเกิดเป็นทัศนียภาพใต้น้ำที่งามพิศวงชวนแปลกตา เกิดขึ้นที่เขตอนุรักษ์ Rio de Prata ในเมืองจาร์ดิม ประเทศบราซิลใกล้กับแม่น้ำ Olho D’Água หนึ่งในแม่น้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
ตามปกติแล้วเส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างเคร่งครัด (ขนาดที่ว่า คนที่มาเดินป่าข้ามลำน้ำที่นี่จะถูกห้ามไม่ให้เดินเตะตะกอนในลำน้ำกันเลยทีเดียว) และสาเหตุที่น้ำที่นี่ดูใสเป็นพิเศษเพราะไหลผ่านหินปูน

[booking_product_helper shortname=”freedive inspire”]
แม้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงแค่วันสองวันเท่านั้น เพราะน้ำที่หลากก็จะลดระดับลงไปในเวลาอันรวดเร็ว แต่นักท่องเที่ยวสามารถมาทัวร์เดินป่าและดำน้ำตื้นในแม่น้ำ Olho D’Água ได้ตลอดทั้งปี ซึ่งได้ยินมาว่า การเดินป่าจะจำกัดแต่ละกรุ๊ปไว้ที่ 9 คนและต้องมีไกด์นำทางอย่างใกล้ชิด และทัวร์ดำน้ำตื้นของแม่น้ำ Olho D’Água มีชื่อเสียงมาก เพราะพันธุ์ปลาที่มีมากถึง 50 ชนิด อีกทั้งสัตว์น้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจอื่น ๆ ด้วย เช่น ตะโขง และงูอนาคอนด้า (สองอันหลังนี้เคทขอบาย)
ทางไปจองทัวร์ >>> Viator
2.ดำน้ำในสวนสาธารณะ! ที่ Green lake เมือง Tragoess, ประเทศออสเตรีย
ถ้าบอกเพื่อนว่าจะไปดำน้ำในสวนสาธารณะ เพื่อนคงบอกว่าเราบ้าแน่ๆ
แต่เรื่องนี้เป็นจริงได้ถ้าเราได้ไปดำน้ำที่ทะเลสาบ Green lake เมือง Tragoess, ประเทศออสเตรีย จุดดำน้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขาหินปูน ซึ่งตามปกติระดับน้ำในทะเลสาบ Green Lake จะสูงเพียง 1 เมตร แต่เมื่อถึงฤดูที่หิมะบนภูเขาละลายหลังหน้าหนาว น้ำก็สูงท่วมทะเลสาบและสวนสาธารณะบริเวณทะเลสาบ จนลึกถึง 12 เมตร บนอาณาเขต 4,000 ตารางเมตร ทำให้มองเห็นเก้าอี้ สะพาน และต้นไม้ ใต้น้ำ






3.Silfra: ดำน้ำระหว่างรอยแยกแผ่นเปลือกโลก ที่ไอซ์แลนด์
เป็นทริปที่อยากเก็บเงินไปมากถึงมากที่สุด! ลองจินตนาการดูว่า หากเราได้ดำน้ำไปจับรอยแตกของแผ่นเปลือกโลกสองแผ่น มันจะเป็นโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน
Silfra เป็นรอยแตกของแผ่นเปลือกโลกนอร์ธอเมริกัน และแผ่นยูเรเชียน เท็กโตนิก เมื่อปี 1789 แผ่นเปลือกโลกทั้งสองเคลื่อนออกจากกันอันเนื่องมาจากแรงแผ่นดินไหว ทำให้เกิดรอยแตกทั่วไปในเขตอุทยานแห่งชาติ Thingvellir

จุดพิเศษคือ น้ำที่ใสมาก จนได้ชื่อว่าใสที่สุดในโลก เพราะรอยแยกซิลฟรานี้ เต็มไปด้วยน้ำจากธารน้ำแข็ง Langjökull ที่อยู่ใกล้เคียง ถูกกรองผ่านลาวาใต้ดินเป็นระยะเวลากว่า 30-100 ปี ก่อนจะไหลเข้าสู่ซิลฟรา น้ำที่นี่ใสจนสามารถมองเห็นวิวใต้น้ำได้ด้วยตาเปล่าที่ระดับความลึก 100 เมตร อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ 2-4 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี ใครที่จะมาดำน้ำจึงต้องเช่าหรือพก Dry suit ติดตัวมาด้วย (แต่ปกติบริษัททัวร์ดำน้ำจะมีไว้ให้ค่ะ)
ข้อมูลเพิ่มเติม: tripadvisor






4.ร่องรอยของยุคกลาง ใต้วังวนของทะเลสาบ Capo D’Acqua Lake อิตาลี
ภายใต้ผืนน้ำของทะเลสาบ Capo D’Acqua Lake ในเมือง Capestrano ประเทศอิตาลี ซ่อนสิ่งปลูกสร้างสมัยยุคกลาง เป็นโรงสีโบราณสองแห่งที่ถูกน้ำท่วมจนมิด และผุกร่อนลงตามยุคสมัย
ช่วงเวลา high season ที่ดึงดูดให้คนมาดำน้ำดูโรงสีโบราณที่นี่ คือเดือนเม.ย.-ต.ค. เพราะน้ำใสที่สุดในช่วงนี้ แต่จริง ๆ ก็สามารถมาดำน้ำที่นี่ได้ตลอดทั้งปีค่ะ



5. ดำดิ่งสู่โพรงถ้ำ Cenotes Dos Ojos เม็กซิโก
หนึ่งในถ้ำใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก Cenotes Dos Ojos เม็กซิโก เป็นจุดดึงดูดนักดำน้ำทุกประเภท ทั้งสนอร์เกิ้ลและสกูบ้า ด้วยความกว้าง 70 เมตร และโพรงถ้ำลึก 400 เมตร บวกกับน้ำใสแจ๋ว และอุณหภูมิน้ำอุ่นแบบพอดีๆ (24-25 องศาเซลเซียส) ทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมมากค่ะ ตั้งอยู่เพียง 22 กม.ทางตอนเหนือของเมืองทูลัม ค่าเข้าเพียง 200 เปโซเท่านั้น

-
แหวกว่ายในอ้อมกอดของหลุมยักษ์แห่งซามัวร์
ต้นเฟิร์นและหญ้าเขียวขจีที่ปกคลุมห้อยระย้ารอบปากหลุมยักษ์ เต็มไปด้วยน้ำใสสีเขียวมรกต
To Sua Ocean Trench บนเกาะภูเขาไฟ Upolu ในประเทศซามัวร์ (ใกล้ประเทศฟิจิ) ได้รับฉายาว่าเป็น ‘สระว่ายน้ำธรรมชาติที่สวยที่สุดในโลก’



Warning: เนื่องจากน้ำใสมาก จนเดาความลึกได้ยาก ทั้งๆ ที่น้ำลึกถึง 30 ม. ใครที่ว่ายน้ำไม่แข็งแนะนำให้ใส่เสื้อชูชีพ และอย่ากระโดดจากบันไดนะคะ เพราะมีคนได้รับอุบัติเหตุมาแล้ว
……………………………………………………………………
Cover Photo Credit: Marc Henauer