ทริปนี้เป็นทริปไฟไหม้ค่ะ คือได้แพลนการเดินทางแบบกะทันหันก่อนออกเดินทางเพียงสองวัน เนื่องจากทริปอินโดล่มเพราะภัยแผ่นดินไหวและมีเตือนภัยสึนามิ
หลังจากเคทโทรคุยกับสายการบินด้วยใจร้อนรุ่ม และเปลี่ยนจุดหมายปลายทางจากอินโดไปมัลดีฟส์อย่างไม่ทันตั้งตัว
ใจหนึ่งก็ดีใจนะที่จู่ ๆ จะได้ไปมัลดีฟส์ (ดูสวยและรวยมาก 555+ แต่จริง ๆ ไม่ใช่อย่างนั้นเลยค่ะ เราไปแบบแบคแพคเกอร์ ประหยัดสุด ๆ) อีกใจก็กระวนกระวายที่ไม่ได้มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับประเทศนี้เลย
…………………….
ทริปนี้เคทไม่ได้ไปคนเดียว (เพราะเป็นทริปดำน้ำ ไปคนเดียวไม่ได้มันอันตราย ต้องมีฟรีไดฟ์บัดดี้ไปด้วย) ก็โทรคุยอย่างต่อเนื่องกับน้องแนท สาวสวยนักเดินทางสายลุยที่เป็นฟรีไดฟ์บัดดี้ของเคท เรียกได้ว่าวางหูครั้งนึง อีกสามนาทีต้องโทรหากันใหม่ เพราะทริปมันไฟไหม้จริง ๆ และเราอยากให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด
ข้อดีของการไม่ไปคนเดียวมันดีตรงที่มีเพื่อนช่วยแพลนการเดินทาง มีคนคอยปรึกษาในสถานการณ์แบบนี้ (ช้อบ…ชอบ ฮ่าๆๆ) น้องแนทคอยเสนอแผนการเดินทาง ขยันทำมาให้เลือกหลายตัวเลือกว่าเราจะไปเกาะไหนในมัลดีฟส์ดี (เคทก็เพิ่งรู้นะว่ามัลดีฟส์ไม่ได้มีแค่เกาะเดียว แต่มีหลายเกาะมาก)
หลังจากหาข้อมูลกันดึกดื่น เลยตัดสินใจไปเกาะดาราวันดู (Dharavandhoo) อันมีจุดดำน้ำที่เขาเรียกว่า Baa Atoll (Atoll ก็คือ Island) ได้รับการยกย่องเป็น Unesco’s Biosphere Site เพราะมีธรรมชาติใต้น้ำที่อุดมสมบูรณ์ ดาราของที่นี่คงหนีไม่พ้นกระเบนยักษ์ ใจดี น้องแมนต้าเรย์ หรือที่เรียกกันอย่างเอ็นดูในหมู่นักดำน้ำว่า “เจ้าผีผ้าห่ม” กับเต่าทะเลค่ะ แต่การพบแมนต้าเรย์ไม่ใช่เรื่องง่าย ขึ้นอยู่กับฤดูของแพลงก์ตอนด้วย เพราะน้องแมนต้าชอบกินแพลงตอน ข่าวดีคือช่วงเวลาที่เราไปตรงกับฤดูของเขาพอดิบพอดี (อะไรจะโชคดีขนาดนี้) และแมนต้าที่นี่มากันทีเป็นฝูงใหญ่ค่ะ ไม่ต่ำกว่าห้าสิบตัว

วิธีการเดินทางไปเกาะดาราวันดู
นั่งเครื่องจากกรุงเทพฯ ไปลงมาเล่ เมืองหลวงของมัลดีฟส์ (Male, Maldives) แล้วสามารถเลือกวิธีไปต่อได้ 3 แบบ
- นั่ง Speed boat จากมาเล่ ไปดาราวันดู ซึ่งคงไม่ Speed แระ เพราะใช้เวลากว่า 8 ชม. ตัวเลือกนี้เลยขอบาย
- นั่ง Domestic flight จากมาเล่ ไปดาราวันดู วิธีนี้คือใช้เงินแก้ปัญหา แต่รวดเร็วมาก แค่ 30 นาทีก็ถึงแล้ว เนื่องจากเรามีเวลาน้อย เลยเลือกวิธีนี้
*แนะนำอย่าจองตั๋วเองเพราะราคาแพงกว่าสองเท่า ให้ทางที่พักจองให้ดีกว่าค่ะ ทุกที่พักจะมีราคาพิเศษกับทางสายการบินอยู่ คือ 160 USD ไปกลับ/ส่วนราคาจองเองจะอยู่ที่ 320 USD ไปกลับ ต่อคน (ทายสิว่าเคทจองแบบไหน ฮืออออ T^T)
- นั่ง Sea Plane วิธีนี้ดูสวยและรวยมาก เหมาะกับคนมีตังค์ที่ไปพักพวกรีสอร์ทไอส์แลนด์ค่ะ เราเลยไม่เลือกวิธีนี้

จองที่พักใกล้ฮานิฟารูเบย์ นอน Local island ของชาวบ้านได้ที่:
[booking_product_helper shortname=”maldives”]
……………………….
มัลดีฟส์เป็นประเทศมุสลิมค่ะ และค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการแต่งกาย เราเลยพกชุดว่ายน้ำแบบเต็มตัวไปเลย (แขน-ขายาว) กันแดดด้วย เคารพสถานที่ด้วย เพราะที่มาที่ไปคือ แต่ก่อนประเทศเขาค่อนข้างปิดเรื่องการท่องเที่ยว เพราะกลัววัฒนธรรมภายนอกเข้ามาเจือปน รายได้จึงไปตกอยู่กับพวกรีสอร์ทดัง ๆ หมด (ที่เราเรียกว่ารีสอร์ทไอส์แลนด์) ไม่มาถึงชาวบ้าน
พอเวลาผ่านไป เทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ตก็เปิดโลกกับผู้คนมากขึ้น วัฒนธรรมต่าง ๆ มันหลั่งไหลเข้ามาในอากาศอยู่แล้ว ปิดกั้นคนท้องถิ่นไม่ได้อีกต่อไป จึงได้เวลาเปิดประเทศ ให้ชาวบ้านได้ทำธุรกิจ สร้างที่พักได้ (เราเรียกว่า local island) ทำให้ปัจจุบัน ชาวแบคแพคเกอร์อย่างเราก็เข้าถึงมัลดีฟส์ได้แล้วในราคาที่ถูกลง (สมัยก่อนไปมัลดีฟส์ต้องกำเงินหลักแสน เดี๋ยวนี้มีหลักหมื่นก็ไปได้ค่ะ)

ทริปนี้เป็นทริปที่ตลกและมีสีสันมาก ตั้งแต่ตอนขึ้นเครื่อง เคทเดินทางมาหลายประเทศแล้วไม่เคยเมาเครื่องบินเลยค่ะ มาเมาก็ทริปนี้ อ้วกไปสองรอบ (ทั้งบน International flight และ domestic flight) พออ้วกเสร็จหันหน้าไปทำท่าบอกน้องแนทว่าไม่ต้องห่วง เราโอเค (55+)
มาถึงที่พักคือ Hanifaru Transit Inn บนเกาะดาราวันดูที่จองไว้บริการเลิศเลอมาก มีเวลคัมดริ๊งค์ด้วยเป็นมะพร้าวสีเหลือง ๆ ปักดอกไม้ อาเหม็ด เจ้าของที่พักเข้ามาดูแลเราตั้งแต่เท้าเหยียบสนามบินเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่ที่พักราคาแค่คืนละพันกว่า ๆ
Hanifaru Transit Inn เป็นที่พักที่ดีงามมาก สะอาด บริการดี เจ้าของเป็นมิตรสุด ๆ เลยค่ะ


เกาะนี้ไม่ค่อยมีคนเลยค่ะ เป็น local island ที่แท้ทรู อาเหม็ดบอกพวกเราว่ามีคนไม่ถึงแปดร้อยคน แต่สิ่งที่เราเห็นคือผู้คนออกมาเดินกันน้อยมาก ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนหมด อารมณ์เลยประมาณเกาะส่วนตัวไปเลย
หาดที่มัลดีฟส์จะแบ่งเป็นหาดธรรมดา กับหาดบิกีนี่บีช คนที่อยากใส่บิกีนี่สามารถเล่นที่หาดบิกีนี่บีชได้ค่ะ แต่ในความรู้สึกเคทคือ หาดธรรมดาจะสวยกว่า น่าเล่นน้ำกว่ามาก แนะนำให้ใส่ชุดว่ายน้ำแขนขายาวไป และใส่เสื้อยืดหลวม ๆ ทับอีกที
(ที่เห็นมากับตาคือ ใครใส่บิกีนี่ จะเดินผ่านหาดธรรมดาของชาวบ้านไม่ได้ค่ะ จะมีคนโบกไม้โบกมือให้ไปบิกีนี่บีชแทน)



จุดนี้เป็นบิกีนี่บีช คือสามารถใส่ชุดว่ายน้ำแบบบิกีนี่ได้เฉพาะตรงนี้


อาเหม็ดเสนอทัวร์ดำน้ำให้เราหลายแห่ง เราเลือกที่จะไป Turtle Reef, Nemo Reef และ Hanifaru Bay (จุดที่แมนต้าเรย์อยู่) เขาเลยมีแถม พาเราไป Sand Bank ด้วย ซึ่งเป็นเกาะที่กำลังจะเกิดใหม่ค่ะ ในระยะเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา Sand Bank ถูกน้ำทะเลซัดพาทรายต่าง ๆ เข้ามากลายเป็นหาดทรายเล็ก ๆ ท่ามกลางหมู่เกาะมากมาย
ส่วนหากใครจิตแข็ง แนะนำให้ไป Shark Reef ด้วยนะ เพราะจะมีฉลามนอนอยู่ น่าจะเป็นพวก nurse shark ที่ไม่ดุร้ายและชอบนอนเวลากลางวัน ออกหากินตอนกลางคืนค่ะ ไกด์จะบอกให้เราทำตัวนิ่ง ๆ เวลาไปที่นี่ อย่าส่งเสียงดัง หรือลงน้ำเสียงดัง เพราะฉลามเขากลัวคนเหมือนกันนะ เขาจะหนีไปหมดค่ะ
หากอยากได้อารมณ์มัลดีฟส์จริง ๆ แนะนำให้จ่ายค่าทัวร์ resort island visit ค่ะ คือเขาจะพาเราไปทิ้งไว้ที่รีสอร์ทไอส์แลนด์สวย ๆ ซึ่งเราต้องเลือกก่อนว่าจะไปที่ไหน (ตอนแรกเคทและแนทอยากไปดุสิตธานีค่ะ แต่โควต้าของเกาะเต็มแล้วจึงต้องเลือกไป Kihaa Resort แทน) เวลาที่ใช้ที่นี่คือ half day อาเหม็ดขับเรือไปส่งเราตอนสิบโมงเช้า มารับเรากลับตอนหกโมงเย็น ราคาของ Kihaa อยู่ที่ประมาณ 50-75 USD (อันนี้จำราคาเป๊ะ ๆ ไม่ได้แล้ว)
*แนะนำว่าอย่าทานอาหารเที่ยงที่เป็นบุฟเฟต์ของทางรีสอร์ทค่ะ เพราะแพงมาก หัวละ 75 USD (2,475 THB) แน่ะ ให้สั่งอาหารจานเดี่ยวที่บาร์คอกเทล อร่อยและถูกกว่ากันเยอะเลยค่ะ (ราคาเครื่องดื่มและอาหารที่บาร์คอกเทลจะเป็นราคาธรรมดาเหมือนบาร์บ้านเราค่ะ เช่น cocktail, mocktail แก้วละสองร้อยกว่าบาท ฯลฯ)
ข้อมูลโดยสังเขป:
Destination: Maldives, Dharavandhoo island
Continent: Asia
Budget: 30,000-35,000 THB / ต่อคน รวมตั๋วเครื่องบินและทริปดำน้ำ กิจกรรมต่าง ๆ
Travel Period: 4 days, 3 nights
Best Season: พ.ย.-เม.ย.
High season ธ.ค.-มี.ค. ข้อเสียคือช่วงนี้จะแพง
ช่วงมรสุม พ.ค.-ต.ค. อาจเจอฝนประปราย ด้วยสภาพที่เป็นเกาะ ฝนจะถูกพัดผ่านไปเร็วค่ะ ถ้าใครอยากเจอแมนต้าเรย์ แนะนำช่วงฤดูฝนนะ (ส.ค.กำลังดี)
…………………………………………………
ไว้จะมาเล่าต่อเรื่องทริปดำน้ำให้ฟังนะคะ ตอนที่เจอแมนต้าเรย์ตัวใหญ่ ๆ เป็นฝูง ๆ ไม่ต่ำกว่าห้าสิบตัวนี่ใจเต้นตูมตามมากมาย แถมยังมีฉากเจอปลากระเบนสติงเรย์ตัวใหญ่เป็นเมตรหน้าหาดอีก ว่ายหนีแทบไม่ทัน มีปลาวัวผู้ได้ชื่อว่าปลาวัวอำมหิตด้วยนะ ใครไปตั้งชื่อแบบนี้ให้มันไม่รู้ ทำเอาเรากลัวไปเลย T_T
/เคท
Wander More.
2 ความเห็นบน “ลากฟิน ใส่แตะ ไปเที่ยวมัลดีฟส์แบบแบคแพค Freediver │Wander More”