ไปฟิลิปปินส์ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่เคทไปเยือนประเทศนี้ค่ะ ไปคนเดียว เลยหลีกเลี่ยงที่จะไปมะนิลา (เพราะได้ข่าวว่าที่นั่นยังอันตรายอยู่บ้าง และเคทก็ไม่ชอบเที่ยวในเมืองสักเท่าไหร่) ครั้งนี้ก็เจาะจงตรงดิ่งไปหาเซบูและพาลาวัน เลยมีบางเรื่องที่น่าจะเป็นประโยชน์และอยากมาแชร์ให้ได้อ่านกัน
1.มะม่วงนี้ พี่หวง
ในไทย หากเราเจอด่านตรวจ ก็คงไม่พ้นเรื่องตรวจแอลกอฮอล์ หรือยาเสพติด แต่ใครจะไปรู้ว่า ด่านตรวจที่ฟิลิปปินส์มีไว้เพื่อ “ตรวจมะม่วง” !!
ใช่แล้วค่ะ
“ตรวจมะม่วง” อ่านไม่ผิดหรอก
หากใครไปพาลาวัน ฟิลิปปินส์ ก็ไม่ต้องตกใจนะถ้าเราจะเจอด่านตรวจมะม่วงระหว่างเดินทางข้ามเมือง เคทเจอตอนนั่งรถตู้จากเมือง Puerto Princesa ไปเมือง El Nido รถตู้จะหยุดให้เจ้าหน้าที่มาสอดส่องดูในรถ แถมยังถามเราตรง ๆ ว่า “มีใครพกมะม่วงฟิลิปปินส์มาบ้างหรือเปล่า?”
แน่นอนว่าทุกคนในรถ ซึ่งเป็น backpacker ยกคัน ต่างก็หันมามองหน้ากันด้วยความงุนงง
ใครจะพกมะม่วงมาด้วยล่ะเนี่ย แต่ละคนก็เพิ่งลงจากเครื่องบินทั้งนั้น
ที่มาที่ไป คือ เขากลัวการลักลอบเมล็ดพันธุ์มะม่วงฟิลิปปินส์ค่ะ
เพราะอะไรน่ะหรือ?
ก็เพราะ…มะม่วงของฟิลิปปินส์ได้รับการบันทึกและยกย่องใน Guinness Book World Record ว่าเป็น“สายพันธุ์ที่หวานที่สุดในโลก” นั่นเอง
ซึ่งคนที่นี่เขาเรียกกันว่า manggang kalabaw (ไม่เกี่ยวอะไรกับวงคาราบาวแต่อย่างใด) ด้วยชื่อเสียงของมัน เลยทำให้มีชื่อเรียกขานหลายชื่อ เช่น Manila mango, Honey mango, Manila Super Mango, Ataulfo mango ฯลฯ
หน้าตาก็คล้าย ๆ มะม่วงน้ำดอกไม้บ้านเราเลยค่ะ เพียงแต่อ้วนกว่านิดหน่อย ตอนเคทไปเกาะหนึ่งในแอลนิโด ก็เลยลองชิมน้ำมะม่วงปั่นสด ๆ ว่าจะหวานเหมือนที่เขาร่ำลือกันหรือเปล่า ปรากฏว่าหวานน้ำตาไหล นั่งจิบริมหาดฟินสุด ๆ สามสี่วันถัดมาเลยแสวงหาแต่น้ำมะม่วงปั่น แต่ก็ไม่ได้อร่อยเหมือนกันทุกร้านหรอกนะ บางลูกอร่อยมากถึงมากที่สุด บางลูกเคทว่าเฉย ๆ (เพราะเคทก็แยกไม่ออกเหมือนกันว่ามะม่วงที่เขาเอามาปั่นให้ ใช่สายพันธุ์นี้หรือเปล่า)
เชื่อมั้ยว่า..ฝรั่งเคยทะเลาะแย่งมะม่วงกันในทริปทัวร์เกาะแอลนิโดที่เคทไปด้วย ดูเหมือนไร้สาระแต่เกิดขึ้นจริง สาเหตุมาจากการที่เขาขึ้นเรือจากการสนอร์เกิ้ลมากินมื้อเที่ยงช้าไปหน่อย เลยไม่ทันกินมะม่วง ฝรั่งคนนี้กับแฟนสาวถึงกับตีโพยตีพายยกใหญ่ และพูดจาเหน็บคนอื่นที่ได้ลิ้มรสมะม่วงฟิลิปปินส์ว่า
“อร่อยมั้ย? อร่อยใช่ไหม แหงล่ะ..ก็มันดีที่สุดในโลกนี่” -_-

2. หากอยากกลับไทย ต้องเหลือเงินอย่างน้อย 750 เปโซ
เรื่องนี้คือเพิ่งรู้ และพลาดมาแล้ว
เพราะวันที่กลับไทย สิ่งที่เรามักทำคือใช้เงินเปโซที่เหลืออยู่ให้หมด (โดยเฉพาะเศษเหรียญและแบงค์ย่อย เพราะเอาไปแลกกลับไม่ได้แล้ว) แต่พอมาถึงสนามบินฝั่งขาออก กลับมีป้ายเขียนไว้ตัวโต ๆ ให้เราจ่ายค่า Terminal Fee 750 เปโซ
ตอนแรกก็ไม่แน่ใจหรอกนะ ว่าป้ายนี้มันเกี่ยวกับเราหรือเปล่า หรือจ่ายเฉพาะชาวต่างชาติที่มาทำงานในฟิลิปปินส์ เคทเลยมองข้ามไป ปรากฏว่าพอถึงจุดตรวจ Boarding pass เขาไล่กลับมาให้ไปจ่ายค่า Terminal Fee ก่อน
เงินเปโซที่มีเหลือในกระเป๋า ตอนนั้นมีไม่ถึง 750 ซะแล้ว เลยโดนกดเอทีเอ็มเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เสียค่าธรรมเนียมตอนกดเอทีเอ็มอีกเป็นร้อย T^T
ทำไมต้องเสียค่า Terminal Fee อีก? นี่เรากำลังจ่ายอะไรซ้ำซ้อนหรือเปล่า
จริง ๆ เปล่านะ ปกติค่า Terminal Fee สนามบินมักจะถูกบวกอยู่ในค่าตั๋วเครื่องบินตอนที่เรากดซื้อตั๋วอยู่แล้ว ยกเว้นบางสนามบินในฟิลิปปินส์ที่ไม่เก็บ Terminal fee ตอนเราซื้อตั๋ว แต่ให้มาจ่ายเงินสดที่สนามบินเลย ได้แก่ Cebu, Puerto Princesa, Clark, Davao, Kalibo, Iloilo
เราจึงเห็นภาพนักท่องเที่ยวต่อคิวยาวเพื่อกดเงินจากตู้เอทีเอ็มที่สนามบินก็ด้วยประการฉะนี้แล
3. ทำไมพักที่หาด Corong Corong จึงดีกว่า
หลายคนอาจจองที่พักในย่าน Elnido street ซึ่งเป็นหาดที่คึกคัก และเป็นหาดสำหรับลงเรือออกทัวร์เกาะต่าง ๆ ที่เรียกว่าทัวร์ A,B,C,D
ใครที่ยังไม่ได้ไป อาจนึกภาพ Elnido Street ไม่ออก ให้นึกถึงหาดเฉวงในเกาะสมุย หรือย่านข้าวสาร (แต่ร้านรวงต่าง ๆ เน้นร้านอาหาร คาเฟ่ ไม่มีผับ)
ข้อดีของการพักที่นี่คือสะดวกสบาย ตื่นเช้ามาเดินลงหาด ก็ขึ้นเรือออกไปได้เลย และมีร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกเยอะ
แต่จากมุมมองส่วนตัว เคทว่าพื้นที่แถบนี้แอบไม่เหมาะกับการพักเท่าไหร่ เพราะไม่สะอาด ร้านอาหารหลายร้านมีกลิ่นรบกวน ชุมชนแออัดริมทะเลอยู่ใกล้ ๆ ที่พักเก่า ๆ สภาพทรุดโทรม
แต่หากพักที่หาดที่อยู่ไกลออกไป 10 นาที ชื่อหาด Corong Corong นอกจากขึ้นชื่อเรื่องพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในแอลนิโดแล้ว หาดนี้ผู้คนไม่พลุกพล่านเท่า Elnido Street สภาพที่พักสะอาดและเก๋กว่ามาก
ข้อเสียคือ ทุกครั้งที่ต้องมาขึ้นเรือ ต้องเสียเงินค่าสามล้อ 200 เปโซไป-กลับระหว่างหาดกับ Elnido Street ด้วย


4. มาจากเซบูได้ โดยไม่ต้องลงสนามบิน Puerto Princesa ให้เสียเวลา
เรื่องนี้เคทก็เพิ่งรู้อีกเหมือนกัน เสียเวลาในชีวิตในการนั่งรถตู้จากสนามบิน Puerto Princesa กว่า 6-7 ชม. เพื่อมา El Nido แทนที่จะเก็บเวลานั้นไปเที่ยว
เพราะเมื่อมาถึง ก็ปรากฏว่า มีเครื่องบินบินตรงจากเซบูมาลง El Nido ได้ด้วย?!!
เป็นเครื่องบินเล็ก ๆ ที่ต้องจองผ่าน AirSwift.com เท่านั้น เรื่องนี้เคททราบจากเพื่อนนักเดินทางที่เจอที่นั่นสองสามคน ส่วนเรื่องราคา จากที่ได้ข้อมูลมาคือแพงมากเหมือนกัน
5.ในบรรดาแบคแพคเกอร์ El Nido ขึ้นชื่อเรื่องอะไร?
เมื่อเคทบอกเพื่อนชาวแบคแพคเกอร์ที่เจอที่เซบูว่า ที่หมายต่อไปคือ El Nido ทราบไหม คำแรกที่ทุกคนจะเอ่ยออกมาเหมือนกันราวกับนัดกันไว้คืออะไร?
“แพง”
“โอ้ว ฉันได้ยินมาว่ามันแพงมาก”
“แพงนะ ผมเลยไม่ได้ไป”
“แพงนี่นา ไปกี่วันเหรอ”
El Nido ขึ้นชื่อเรื่องความแพงค่ะ ที่แพงก็คือค่าที่พัก ขนาดระดับโฮสเทลยังคืนละ 700 กว่าบาท ถ้าเป็นระดับรีสอร์ทหรือโรงแรม ราคาก็แตะหลักหมื่นหรือหลักแสนก็มีกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย ส่วนค่าครองชีพ อาหารก็มื้อละ 200 บาทขึ้นไป น้ำขวดละ 25 บาท
มองเงินในกระเป๋าก็ได้แต่บอกตัวเองว่า “อยู่สัก 4-5 วันก็พอแล้วเนอะ”
และแพงตรงค่าเครื่องบินที่นั่งมานี่ล่ะ ราคาเท่ากับนั่งไปอีกประเทศนึงเลย ไม่ใช่ราคาเลเวล Domestic
จบทริปเซบู-พาลาวัน 11 วันเคทเลยหมดเงินไป 50,000 บาทโดยประมาณ ซึ่งเยอะที่สุดเท่าที่เคยจ่ายมาในระยะเวลาเท่ากัน (ทริปก่อน ๆ ไม่เคยเกิน 30,000 เลยค่ะ)
ถ้าถามว่าคุ้มไหม
ก็คุ้มนะ.
6. ไป El Nido หรือ Coron ดีกว่ากัน?
คนที่อยากไปพาลาวัน คงคุ้นชื่อ Coron กันมาบ้าง Coron ก็อยู่ในเขตพาลาวันเหมือนเกาะ El Nido หากเสิร์ชใน Instagram ว่า #Palawan เชื่อว่าภาพที่ดึงดูดใจเราหลายภาพจนอยากจะทิ้งงานทิ้งการไปเสียเดี๋ยวนี้ คงมีภาพ Coron อยู่ในนั้นด้วย เผลอ ๆ มากกว่า El Nido ด้วยซ้ำ

เนื่องจากเคทไม่เคยไป Coron แต่ได้หาข้อมูลมาบ้างว่าจะไป Coron หรือ El Nido ดี ปรากฏว่าสาเหตุที่หวยมาออกที่ El Nido เพราะมีคนให้ข้อมูลไว้ว่าทั้งสองที่นี้ไม่ต่างกัน (อารมณ์ประมาณกระบี่-พังงา) เพราะวิวที่เห็นก็คล้ายกัน คือมีทะเลสาบน้ำเค็ม ลากูน น้ำใส ๆ สีเขียวมรกต และชะง่อนผาแหลม ดูสวยจับตา เพราะฉะนั้น จะไป Coron หรือ El Nido อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
จริง ๆ หากเรามา El Nido แล้วอยากไป Coron ต่อ ก็สามารถนั่งเรือเฟอร์รี่ไปได้ แต่การเดินทางค่อนข้างลำบาก ใช้เวลาถึง 5 ชม. จากนั้นขากลับค่อยนั่งเครื่องบินจาก Coron ไปลง Cebu
ข้อดีของ Coron คือเดินทางด้วยเครื่องบินง่ายกว่า El Nido เยอะเลย แถมยังถูกกว่าด้วยค่ะ และนักท่องเที่ยวจะน้อยกว่า El Nido
การเลือกระหว่างทั้งสองเกาะนี้ เคทว่าขึ้นอยู่กับเราแล้วล่ะว่าชอบที่ไหนมากกว่ากัน เพราะสวยด้วยกันทั้งคู่ (เพียงแค่มีบางคนบอกว่า El Nido สวยกว่า Coron นะ นักท่องเที่ยวถึงได้เยอะกว่าไงล่ะ)
#####
Cover photo by Toa Heftiba on Unsplash
ฝากเพื่อนๆ ติดตามเรื่องเล่าจากการเดินทาง+ทริปแบบมันส์ๆ ได้ที่ 🥰🐯
Facebook: https://web.facebook.com/katewandermore
IG : https://www.instagram.com/kate_wandermore/
Twitter: https://twitter.com/kate_wandermore
2 ความเห็นบน “ฟิลิปปินส์หวงมะม่วง: 6 เรื่องควรรู้ก่อนไปเที่ยวเกาะ Palawan”