“ไปคนเดียวรึหนู?” เสียงจากปลายสายถามอย่างครุ่นคิด
“ใช่ค่ะ ไปคนเดียว น้าไปไหมคะ” ฉันถามตรงไปตรงมา จากปางอุ๋งไปบ้านรักไทย ห่างกันเพียงสิบกิโลเมตร แต่ไม่มีรถสองแถวเหลืองจากปางอุ๋งไปถึงที่นั่นโดยตรง ฉันรู้มาว่า หากไปหลายคน อาจให้รถสองแถวไปส่งได้ แต่ไม่แน่ใจเรื่องไปคนเดียวว่าจะพอไปส่งฉันได้หรือเปล่า เพราะรถสองแถวนี้มุ่งหน้ากลับตลาดสายหยุดที่อยู่ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน…
“ได้ๆ เอาเป็นว่า เดี๋ยวน้าจัดการให้ละกันนะ พรุ่งนี้หนูมารอริมถนนหน้าที่พักนะ”

เช้าวันต่อมา คุณน้าที่คุยกับฉันเมื่อวาน ใจดีเป็นธุระพามาส่งระหว่างทางที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งเพื่อให้ฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปบ้านรักไทยแบบชิลๆ

แถวนี้อยู่ติดชายแดนพม่า คนในรถสองแถวเหลืองเกือบทั้งรถจึงเป็นชาวไทใหญ่ ประแป้งสีเหลืองนวลสองข้างแก้ม ฉันนั่งฟังพวกเขาคุยกันอย่างเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง คุณยายคนหนึ่งผมสีดอกเลา ท่าทางคุยเก่ง เล่าให้คนในรถซึ่งเป็นรุ่นหลานฟัง ได้ความว่า “สมัยก่อน พ่อแม่ยายนะ เลี้ยงลูกเป็นสิบคนนะ ยังเลี้ยงได้เลย สมัยนี้เลี้ยงยาก แค่คนสองคนก็ลำบาก เพราะรายจ่ายเยอะ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ต้องจ่ายเงินแล้ว จ่ายเงินซื้อของสดในตลาด…แต่ก่อนนะ จะทำกับข้าวไม่ต้องจ่ายเลย…ปลูกเอาข้างรั้ว…”
ฉันนั่งฟังแล้วสะดุ้ง
จริงของยาย…
คนเราสมัยนี้ ตื่นเช้ามาก็ต้องจ่ายเงินให้คนอื่นแล้ว
จ่ายให้คนปลูกผัก คนทำกับข้าว คนทำกาแฟ จ่ายให้แบรนด์เสื้อผ้า รองเท้า จ่ายให้รถโดยสารสาธารณะ จ่ายให้บริษัทประกันรถ ฯลฯ
ตั้งแต่ตื่นนอน ยันเข้านอน
จนชีวิตดูเหมือนหนูวิ่งจักร ที่ต้องวิ่งหาเงินมาเพื่อรายจ่ายเหล่านั้นไม่จบไม่สิ้น
ฉันปล่อยความคิดให้ไหลไปตามบทสนทนาของคนท้องถิ่นที่นี่ จนกระทั่งได้ต่อรถมอเตอร์ไซค์ เดินทางมาถึงบ้านรักไทย
บ้านรักไทย เป็นชุมชนจีนยูนนาน หากพูดว่าจีนยูนนานอาจไม่คุ้นหูเท่า “คุนหมิง” เพราะคุนหมิงคือเมืองหลวงของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ชาวบ้านแถบนี้สืบเชื้อสายมาจากชาวจีนยูนนานที่อพยพมาจากตอนใต้ของจีนเพื่อลี้ภัยการเมืองช่วงที่จีนเปลี่ยนการปกครองมาเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ปี 2493 เป็นต้นมา

ปัจจุบันจึงยังคงกลิ่นอายวัฒนธรรมแบบจีนยูนนานให้เห็น อาคารบ้านเรือนแบบเก่าเป็นบ้านดิน ปลูกสร้างด้วยดินเหนียวผสมฟางแห้ง ทาสีเหลืองอมน้ำตาลจนทั่วฝาผนัง มุงหลังคาด้วยใบสักตากแห้ง บริเวณนี้อากาศดีจนเป็นที่ปลูกชาได้อีกด้วย
คืนนี้เองฉันได้นอนพักกลางไร่ชาที่รายล้อมด้วยต้นชาอันเขียวขจี มองลงไปจากระเบียงบ้านพัก เห็นชุมชนชาวจีนยูนนานอยู่ริมทะเลสาบ มีร้านอาหารขนาดใหญ่ริมทะเลสาบเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ประมาณสองร้าน ร้านกาแฟสดรสชาติไม่แพ้ที่กรุงเทพ และร้านขายของฝากจำพวกใบชาตากแห้งและผลไม้อบ เรียงรายอยู่ทั่วไป




ไม่ว่าจะเป็นหมอกจางๆ ที่ลอยขึ้นเหนือทะเลสาบในตอนเช้า หรือบรรยากาศริมทะเลสาบตอนโพล้เพล้ ก็โรแมนติกและสงบเสียจนอยากอยู่ที่นี่ไปนานๆ
……………………………………………………………………………………..

วิธีเดินทางไปเที่ยวหมู่บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน แบบประหยัดงบ
วิธีเดินทางจากกรุงเทพฯ
- นั่งรถทัวร์ ของสมบัติทัวร์ มาลงที่บขส.ในเมืองแม่ฮ่องสอน ต่อวินมอเตอร์ไซค์มาลงตลาดสายหยุด
- นั่งสองแถวเหลืองจากตลาดสายหยุด มาบ้านรักไทย รถมีไม่กี่เที่ยวต่อวัน สามารถคุยกับรถสองแถวเหลืองสายอื่น ให้ช่วยไปส่งได้ (120-200.-)
- หากมาจากปางอุ๋ง ให้โทรหารถสองแถว เพื่อให้ช่วยพาไปส่งบ้านรักไทย (หากไปคนเดียว เขาจะจัดหามอเตอร์ไซค์ให้ ราคา 120 บาท)
เบอร์รถสองแถวปางอุ๋ง 087-176-7892/081-288-0841
ที่พัก: มีหลายที่ เช่น ลีไวน์รักไทย ต้าเหล่าซือ ฯลฯ หากอยากเห็นหมอกริมทะเลสาบชัดๆ ให้ไปช่วงหน้าหนาว (ธ.ค.-ม.ค.) ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือนเพราะที่พักเต็มเร็ว (โดยเฉพาะช่วงวันหยุดน้าา ^^)
ฝากเพื่อนๆ ติดตามเรื่องเล่าจากการเดินทาง+ทริปแบบมันส์ๆ ได้ที่ 🥰🐯
Facebook: https://web.facebook.com/katewandermore
IG : https://www.instagram.com/kate_wandermore/
Twitter: https://twitter.com/kate_wandermore
One thought on “นอนกลางไร่ชาบนถิ่นจีนยูนนาน แหล่งบรรจบสามวัฒนธรรม ที่บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน │Wander More”