ทริปเดินป่าจนตัวเปื่อย ไม่ง่ายเลย แต่สนุกมากๆ กับการไปเป็นทาร์ซาน ได้ทั้ง เดินป่า ลุยฝ่ากระแสน้ำ และไต่เชือก ที่ ‘น้ำตกสายรุ้งละอองดาว’ ต.บ้านนา อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ค่ะ ^^
ทริปนี้เคทไปคนเดียว แต่กลับมาด้วยรอยยิ้มของเพื่อนใหม่มากมาย เพราะได้ไปจอยทริปของ The Puffin House แถมยังมีพี่ๆ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดการเดินทาง เพราะทางค่อนข้างลำบาก เดินยากและลื่น ตามสภาพของการเดินบนหินน้ำตก การลื่นล้มกลายเป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อยในเส้นทางนี้ ใช้เวลาเดิน 2 วัน (ไป-กลับ) ค้างคืนในป่าแบบนอนเปล 1 คืนค่ะ ได้อาบป่า อาบธรรมชาติกันอย่างจุใจ น้ำใสแจ๋ว เย็นมากๆ เลย
พิกัด: หน่วยพิทักษ์ป่า ต.บ้านนา อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เป็นจุดที่เรานั่งทานข้าวเช้า และเจอพี่ๆ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ขนข้าวของขึ้นรถ จากนั้นเราจะได้นั่งรถกระบะไปยังจุดสตาร์ท ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 4 กม.ค่ะ
https://goo.gl/maps/wWmnYDXkHKLzjgth9
Fitness Level: Medium
Path Level: Medium – Difficult
{รายละเอียดการเดินทาง รวมทั้ง check list อุปกรณ์ที่ควรเอาไป คลิกอ่านได้จากภาพจ้า}
สนใจทริป ลองสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ The Puffin House นะคะ ข้อดีของการไปกับ The Puffin House คือเราไม่ต้องซื้ออุปกรณ์แคมป์ปิ้งสำหรับทำอาหารไป ไม่ต้องซื้อเปล หรือถุงนอน เพราะทาง The Puffin House มีบริการให้เสร็จสรรพค่า อาหารในป่าคืออร่อยมั๊กๆ ^^
….
ก่อนอื่น ขอขอบคุณภาพจากน้องมิ้นต์ น้องโบ้ท เพื่อนร่วมทีม และน้องฟลุ๊ค Team Lead ของเราค่า ^^

น้ำตกสายรุ้งละอองดาว เป็นน้ำตกที่อยู่ลึกเข้าไปในป่า (ลึกสุดใจจริมๆ) กว่าจะมาถึงจุดที่เห็นน้ำตกนี่เท้าก็ชา แขนก็เป็นตะคริวไปแล้วครึ่งนึง ต้องงัดเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายขึ้นมาหยิบกล้องถ่ายภาพกันเลยทีเดียว
ตารางการเดินทางที่เคทไปมา เป็นแบบนี้ค่า:
Day 1 เราเดินทางจาก กทม.ตั้งแต่ตอน 21.00 น. ตอนกลางคืน หลับบนรถตู้ค่ะ (ถ้าใครอยากหลับ หรือเมารถ ก็พกยาแก้เมารถไป จะได้นอนยาวๆ จ้า)
Day 2 เวลา 05.00 น. ถึงระนอง เดินหาของกินและอาหารเช้าในตลาดท้องถิ่น บรรยากาศดีมากค่ะ จะได้ทันเห็นพระมาบิณฑบาตร ได้เห็นพ่อค้าแม่ค้าขายของกันเช้าๆ ความจุกจิกจอแจเล็กๆ ในตลาดต่างจังหวัดตอนอากาศเย็นๆ มันรู้สึกดียังไงบอกไม่ถูก
จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่หน่วยพิทักษ์ป่า ต.บ้านนา อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เพื่อล้างหน้าล้างตา ทานข้าวเช้า และเริ่มขนของขึ้นรถกระบะ (อะไรที่ไม่ได้เอาเข้าป่า ก็ฝากไว้ที่สำนักงานของหน่วยพิทักษ์ป่าได้ค่ะ)
เราก็จะขึ้นรถกระบะไปยังจุดสตาร์ท พร้อมพี่ๆ เจ้าหน้าที่ค่ะ จากนั้นก็เดินกันทั้งวัน เริ่มเดินประมาณ 9 โมงเช้า ไปถึงแคมป์ก็ 14.00-15.00 น. ถ้าจำไม่ผิดนะ (ขึ้นอยู่กับความเร็วของแต่ละคนด้วยน้า เพราะเคทจะเดินช้ามากมาย เป็นสายกินลมชมวิว)
พอไปถึงแคมป์ปุ้บ ก็จะทิ้งกระเป๋าเป้ใบใหญ่ไว้ แล้วเอาไปแค่ของที่จำเป็น ได้แก่ กล้อง น้ำดื่ม ไฟฉายคาดหัว กับไม้เทรคกิ้ง เพื่อเดินต่อไปยังน้ำตกค่ะ
จากแคมป์ไปยังน้ำตก ไป-กลับประมาณ 3-4 ชม. เห็นจะได้ค่ะ หรืออาจจะนานกว่านั้น ตอนที่เคทไป คือเริ่มเดินจากแคมป์ราวๆ บ่ายสองกว่าๆ กว่าจะกลับมาถึงแคมป์ก็ทุ่มเศษๆ (จำเวลาที่แน่นอนไม่ได้ รู้แค่ว่าตอนออกจากน้ำตกคือฟ้ามืดแล้ว ฮรืออ T^T)
Day 3 เดินกลับจากแคมป์ ออกจากป่า แวะทานข้าวเย็นในเมือง แล้วกลับกทม.ค่ะ




ทริปน้ำตกสายรุ้งละอองดาว เป็นทริปที่ลุยน้ำเยอะมากๆ ใครที่ชอบน้ำตกก็จะถูกใจหน่อย วันแรกจะเป็นเลเวลเดินข้ามกระแสน้ำที่ค่อนข้างเชี่ยว และแรง
ส่วนวันที่สองเราจะล่องน้ำกันทั้งตัวเลยตามภาพที่เห็นค่ะ ซึ่งเคทชอบมาก น้ำเย็นสบายดี ลึกเป็นบางจุด แต่ไม่ถึงกับลึกจนท่วมหัวนะคะ คนที่ว่ายน้ำไม่ได้ไม่ต้องเป็นกังวัลค่า เพราะเป้ของเราที่อัดกระเป๋ากันน้ำอยู่ข้างใน มันจะเหมือนตัวทุ่นพาเราลอยด้วย สบายเลย




ธรรมชาติที่นี่จะอุดมสมบูรณ์มาก ตอนเคทไปเจองูด้วย ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นงูทางมะพร้าว เจ้าหน้าที่บอกว่าน้องไม่มีพิษค่ะ แต่ฉกเก่ง 555+ เจอตรงที่ต้องเดินผ่านซอกหินแคบๆ ด้วย เลยต้องพยายามเดินเบาๆ ไม่ให้เขาตกใจ เกร็งเท้ามากมาย





“อยากอาบป่า..ให้นอนเปล” 😊 ทริปนี้เป็นทริปแรกที่เคทได้นอนเปล ปกติจะนอนเต้นท์ ไม่ก็โฮมสเตย์ตลอดเลย เราชอบมากๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดักแด้ตัวอ้วนๆ ที่ลอยอยู่เหนือพื้นดินและอันตรายทั้งปวง 5555+ ขอบคุณ the Puffin House เปลอุ่นนอนสบาย มีถุงนอนมีมุ้งและไฟแคมป์ให้พร้อม หัวถึงเปลปุ้บ ก็หลับลึกทันที


จุดไต่เชือกลงไปดูน้ำตกสายรุ้งละอองดาว ทางชัน 70-90 องศามีอยู่จริง ตอนปีนกลับคือเหมือนทาร์ซานเลยจ้า เหมือนปีนผาเลย รากไม้แข็งแรงๆ และเชือกสีขาวที่ขึงไว้ คือที่พึ่งสุดท้ายที่ห้ามปล่อยมือ




Check list อุปกรณ์ที่ควรพกไปในทริปนี้
1) รองเท้า ที่สะเทิ้นน้ำ สะเทิ้นบก: มีหลายยี่ห้อในทริปนี้ เลยอยากรีวิวให้คร่าวๆ ประกอบการตัดสินใจค่ะ
– Salomon Speed Cross X 4: เคทใส่รุ่นนี้ไป ข้อดีคือใส่สบายเท้า โดยเฉพาะคนที่มีหน้าเท้ากว้าง ดอกยางลึก ไม่ต้องพะวงเรื่องเชือกรองเท้าหลุด เพราะออกแบบมาให้ไม่ต้องผูกเชือกรองเท้า เดินในป่าดิบชื้นที่มีโคลนได้ดี แต่จะเสียอาการเมื่อเดินบนหินน้ำตกและเจอตะไคร่น้ำ ลื่นมากมายค่า T^T
– สตั๊ดดอย: พี่ๆ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า จะใช้สตั๊ดดอยกันค่ะ มันสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกอยู่แล้วล่ะ ส่วนข้อเสียคือ พี่ๆ บอกว่าช่วงแรกๆ ที่เคยใส่ รองเท้าจะกัดเจ็บมาก
– สตั๊ดดอย สีเหลือง (ข้าวโพด) อันนี้ก็มีเพื่อนร่วมทีมใส่ไป พบว่าเท้าระบม และโดนรองเท้ากัดเหมือนกันค่ะ แต่ยึดเกาะดี ไม่ลื่น
– รองเท้าทหารจีน มีเพื่อนร่วมทีมใส่ไป ยังไม่พบปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นคนหน้าเท้ากว้าง อาจเจ็บเท้า

2) กระเป๋ากันน้ำ: ทาง Puffin House เขาจะแนะนำให้เอาของใส่ถุงพลาสติกก่อน แล้วค่อยใส่ในกระเป๋ากันน้ำอีกที เพื่อความชัวร์ค่ะ
3) ไม้เท้าเดินป่า/ trekking pole: พกไปด้วยจะช่วยได้เยอะมากเลยล่ะ เพราะมีจุดที่ลื่นๆ และชันเยอะ จะช่วย support ข้อเข่าได้ดีค่ะ (ส่วนจุดที่ต้องไต่เชือกลงไปหาน้ำตก เจ้าหน้าที่เขาจะให้เราวางไม้เท้ากองไว้รวมกัน แล้วค่อยกลับมาเอา จะได้ไต่เชือกได้สะดวก)
4) กล้อง+กันน้ำ: ที่ได้ใช้เยอะสุดในทริปนี้ เห็นจะเป็นมือถือนี่ละจา -_- แนะนำให้ซื้อเคสกันน้ำแบบซองใสที่ touch screen ได้สำหรับใส่มือถือ ห้อยคอไว้สะดวกสุดค่ะ
ขนาดเคทเอา GoPro ไป ยังรู้สึกเอาออกมาใช้ถ่ายน้อยมากเลย เพราะไม้ 3-way ค่อนข้างหนัก และเส้นทางมันทุลักทุเล เดินๆ ถ่ายอยู่อาจลื่นล้มได้ไม่ทันรู้ตัว (นี่ก็แอบลื่นลงโคลนในป่าประเดิมก่อนเพื่อนเลยค่ะ 555+) หรือถ้าใครอยากเอาไป ลองติด mount คลิปไว้กับสายเป้ก็ได้นะคะ หรือเป็น mount แบบรัดข้อมือ รัดหน้าอก อาจจะสะดวกกว่า
ส่วนพวกกล้องใหญ่ๆ กว่านี้ พกไปลำบากจ้า อย่าเอาไปเลยน้า
5) เรื่องน้ำดื่ม เคทเอาตัวกรองน้ำไปด้วย เอาไว้กรองน้ำดื่มได้เลยจากแหล่งน้ำในป่าค่ะ แต่จริงๆ แล้วทริปนี้ทาง The Puffin House เขาจะมีน้ำไว้ให้อยู่แล้วที่แคมป์ ไม่จำเป็นต้องเอาตัวกรองไปก็ได้ค่า
ตัวกรองที่เคทใช้อยู่เป็น MSR trailshot ถือว่าใช้ได้สะดวกเลยนะ วิธีใช้ก็เอาสายข้างหนึ่งหย่อนลงน้ำที่จะกรอง บีบตัวปั้ม น้ำสะอาดจะไหลผ่านตัวกรองตรงหัวปั้ม ลงขวดของเราเลยค่ะ ใช้เวลาไม่นานมากก็ได้น้ำมา 1 ลิตร เหมาะแก่การไว้ใช้ส่วนตัวหรือเติมน้ำให้เพื่อนระหว่างทางค่ะ

6) ถุงเท้ากันทาก จำเป็นมั้ย? ส่วนตัวที่ไปมา ถ้าเป็นผ้านี่จะถ่วงน้ำ-ถ่วงขามากกว่า เคทต้องถอดออกเลยค่ะ แบบว่ายอมโดนน้องทากจุมพิต ดีกว่าเดินลื่นเขากระแทกหิน
ใครอยากใส่ถุงเท้ากันทาก ของทริปนี้แนะนำเป็นแบบยางยืด เคทว่ากระชับและไม่เกะกะดีค่ะ พี่ๆ เจ้าหน้าที่เขาใส่กัน
ส่วนน้องทากที่นี่ เคทโดนกัดมาแล้ว จะบอกว่าไม่เคยเห็นตัวน้องเลยนะ เจอแต่รอย และน้องก็ขบได้แผ่วเบามากจนไม่รู้สึกตัวสักนิด มาเห็นรอยกัดก็ตอนอาบน้ำแล้วค่ะ ประมาณ 2-3 รอย น้องทากที่นี่ไม่ดุจริงๆ ตามที่เขาร่ำลือ

7) ไฟฉายคาดหัว เพราะตอนไต่เชือกลงไปน้ำตก ขากลับหากเรากลับช้า ฟ้าจะมืดแล้ว ต้องเดินในป่าตอนกลางคืนด้วยค่ะ เอาติดตัวไว้ดีสุด
8) เอาแต่ของที่จำเป็นไป ยิ่งกระเป๋าเบาจะยิ่งดีที่สุด สำหรับทริปน้ำตกสายรุ้งละอองดาวค่า ^^

…………
ก่อนจากไปจากระนอง อย่าลืมแวะทานมื้อค่ำที่ร้านเชฟหมี ชื่อ ร้าน J&T ร้านอาหารพื้นเมืองเจ้าดังของที่นี่ค่ะ เจ้าของน่ารักมาก มีออกจากครัวมาคุยกับลูกค้าทีละโต๊ะเลยด้วยท่าทางนอบน้อมสุภาพ อาหารอร่อยน้ำตาไหลหลายเมนู (โดยเฉพาะเมนูรูปขวาบนที่เคทจำชื่อเมนูไม่ได้ จำได้แต่รสชาติว่าอร่อยฝุดๆ) รู้เลยว่าใส่ใจทำมากๆ เคทถึงกับอยากกลับไประนองเพื่อไปทานร้านนี้โดยเฉพาะเลยล่ะ

ฝากเพื่อนๆ ติดตามเรื่องเล่าจากการเดินทาง+ทริปแบบมันส์ๆ ได้ที่ 🥰🐯
Facebook: https://web.facebook.com/katewandermore
IG : https://www.instagram.com/kate_wandermore/
Twitter: https://twitter.com/kate_wandermore