ฉันได้ยินเสียงลมหายใจตัวเองเฮือกยาวๆ ผ่านท่อสนอร์เกิ้ล ร่างที่เคว้งคว้างของฉันลอยอยู่กลางสระโดยไม่ยึดเกี่ยวกับสิ่งใด ฉันสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายเข้าปอดลึกๆ หลังจากที่ทำการผ่อนลมหายใจอยู่นานหนึ่งนาที หน้าของฉันและตัวของฉันยังคงจมอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่ง หูแว่วเสียงของครูผู้ฝึกให้ทำการกลั้นหายใจได้
เวลาเหมือนหยุดเดิน..เคยดูหนังเรื่อง ‘About time’ (2013) ไหม ที่พอพระเอกหลับตาปี๋อยู่ในตู้เสื้อผ้า เวลาทุกอย่างจะหยุดหมุน คนรอบตัวจะหยุดเคลื่อนไหว
ทุกอย่างรอบตัวฉันเงียบสนิท ร่างกายฉันผ่อนคลายอยู่ครึ่งหนึ่งบนผิวน้ำ ฉันไม่รับรู้ถึงความอึดอัดใดๆ ในนาทีแรกของการกลั้นหายใจ เวลาผ่านไปราว 1.30 นาที ฉันเริ่มรู้สึกอยากหายใจ หรือที่เรียกว่า The Urge to Breath
ความรู้สึกคงไม่ต่างจากปลาที่ถูกช้อนตักออกมาวางบนบก แล้วขาดอากาศหายใจ อยากดิ้นไปมา
ฉันส่งสัญญาณมือบอกครูผู้สอนว่ากำลังจะเงยหน้าขึ้นจากน้ำแล้ว ขณะที่ใบหน้าฉันอยู่ใต้น้ำ เราสื่อสารกันทางมือ เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยเช็คความปลอดภัยของนักดำน้ำตัวเปล่าที่กำลังทำ static apnea ได้เป็นระยะๆ
“คุณเคท..รอบนี้กลั้นหายใจได้ 2 นาที” ครูโป้ บอกฉันตอนฉันแหงนหน้าขึ้นจากน้ำ ฉันรีบทำ Recovery Breath ตามที่ครูสอนเพื่อเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากปอด
‘เหลือเชื่อเลย..ในใจคิด..เหลือเชื่อมากๆ’
นึกย้อนกลับไป ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเรียนดำน้ำตัวเปล่า แรงจูงใจเดียวที่ทำให้อยากเรียนคือเคยฟังอาจารย์เล่าให้ฟังในคลาสประวัติศาสตร์สมัยเรียนอักษรศาสตร์อยู่ที่ศิลปากร ถึงเรื่องราวของชาวบาเจา ยิปซีแห่งท้องทะเลผู้ดำน้ำตัวเปล่าไปงมหอยมุกได้ตั้งแต่เด็ก..ตั้งแต่ยังวิ่งไม่เป็นด้วยซ้ำ

ตัดภาพมาที่วันนี้ หลังจากสอบเป็น PADI Freediver แล้ว การไปเที่ยวทะเลทุกครั้งของฉันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีแล้วกับการไปทัวร์ดำน้ำสนอร์เกิ้ลแบบเดิม
ปัจจุบัน..ไปทะเลทุกครั้ง ฉันแบกฟินคู่ใจของฉันไปด้วย
ในทะเลกับในสระนี่คนละเรื่องกันเลย ตอนอยู่ในทะเล เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้ ยิ่งตอนไปทะเลต่างประเทศ จะเจอตัวอะไรในทะเลก็ไม่อาจรู้
แต่ความตื่นเต้นนั่นเอง เป็นสีสันของทริปฟรีไดฟ์ทุก ๆ ทริป

ตอนที่ฉันมุด Duck Dive ลงไปใต้น้ำทะเล มันต่างกับตอนเรียนแรกๆ กันลิบลับ จำได้ว่าตอนเรียนในสระ ฉันทำ Duck Dive ได้กระท่อนกระแท่นเหลือเกิน ต้องฝึกอยู่หลายครั้งกว่าจะทำได้ ตีฟินก็ไม่เป็น ตอนแรกๆ ที่ใส่ฟินเรียน ฉันรู้สึกไม่คุ้นและเหมือนมีอะไรมาล็อกไว้ที่เท้า อยากถอดซะเหลือเกิน…ต่างกับตอนนี้ ที่ทุกครั้งของการใส่ฟิน เท่ากับ ‘ใส่ความมั่นใจ’ ของฉันเพิ่มลงไป ฟินเป็นเพื่อนช่วยพยุงฉันไว้ได้ตอนลอยคออยู่กลางทะเลด้วยแรงตวัดไปมาอย่างเชื่องช้า..แต่ทรงพลัง
แต่นอกเหนือจากอุปกรณ์ สิ่งที่การดำน้ำตัวเปล่าสอนฉันมากที่สุด คือ ‘Your body is your temple’ สอนให้พึ่งร่างกายของตัวเอง ฟังเสียงสัญญาณจากร่างกายเพื่อดูลิมิตของตัวเอง นักดำน้ำตัวเปล่าจะรู้ว่าร่างกายจะมีการเตือนเป็นนาฬิกานับถอยหลังตามธรรมชาติ ผ่าน Contraction (คือการที่กล้ามเนื้อกระตุกบริเวณลิ้นปี่ เป็นสัญญาณที่ร่างกายเตือนเราว่า ‘หมดลมหายใจแล้ว อีกเดี๋ยวเธอจะได้เวลาขึ้นจากน้ำแล้วล่ะ’)
ช่วงเวลาที่ผ่านมา การดำน้ำตัวเปล่าทำให้ฉันเหมือนได้โบยบินในภาวะกึ่งไร้น้ำหนัก ได้รับรู้ถึงความสวยงามที่เป็นอยู่ของโลกใต้น้ำ ได้เข้าถึงสิ่งหนึ่งที่มนุษย์เราโหยหากันเหลือเกิน…นั่นคือความอิสระ
ส่วนทะเล..สิ่งที่ทะเลมอบให้คือ เวลาของโลกอีกใบ ‘ที่เดินช้าลง’ กว่าบนพิภพ
การดำน้ำตัวเปล่า เป็นการฝึกฝนร่างกายและจิตใจที่ ‘มหัศจรรย์’
และจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต.