โฮสเทล คือรูปแบบที่พักราคาประหยัดแบบหอพัก นอนร่วมกับคนแปลกหน้าอีกหลายคน บางแห่งอาจแยกเป็นชาย-หญิง ส่วนหลายแห่งก็ยังเป็นห้องรวมอยู่ หากใครเป็นนักเดินทางแบคแพคที่ต้องนอนโฮสเทลบ่อยกว่าห้องไพรเวทแบบในโรงแรมแล้วละก็ บางครั้งคงรู้สึกคันไม้คันมืออยากเขียนเล่าประสบการณ์จากที่พักกันจนแทบพิมพ์ไม่ทัน ทั้งเรื่องราวด้านดีและแย่
เคทเอง นอกจากนอนเต้นท์และโฮมสเตย์ของชาวบ้านอยู่เป็นประจำแล้ว ก็มีโฮสเทลนี่แหละที่เป็นที่ซุกหัวนอนยอดนิยม ข้อดีนอกจากราคาถูกคือ เราอาจจะได้เพื่อนใหม่และเพื่อนเที่ยวภายในเวลาข้ามคืน อาจได้พูดคุยกับนักเดินทางที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้การเดินทางครั้งต่อไปของเราได้
ส่วนข้อเสีย…มาดูกันว่า เราอาจจะเจอประสบการณ์อะไรในโฮสเทลบ้าง > <

เสียงที่ทำให้สะดุ้งตื่นตอนตีสาม
เคยสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยอาการใจหายวาบ เหมือนฝันว่าตกจากที่สูงมั้ยคะ?
ตอนไปฟิลิปปินส์ เคทพักโฮสเทลแห่งหนึ่งริมหาดดัง โฮสเทลและห้องที่จองไว้สภาพดีมาก ๆ เรียกได้ว่าเก๋ น่าพักมากเลยแหละ จองแบบห้องพัก 4 เตียงซึ่งก็คิดไว้ว่า ด้วยจำนวนเตียงไม่มาก บรรยากาศจะได้น่านอน สังเกตว่าคนส่วนใหญ่ที่มาพักที่นี่จะเป็นฝรั่งโซนยุโรป เตียงเป็นเตียงสองชั้น เคทนอนชั้นบน
เพื่อนร่วมห้องในคืนนั้น เราไม่สนิทกัน แค่เห็นหน้าแล้วทักทายหรือยิ้มให้กันเฉย ๆ
ตกดึก ในช่วงเวลาที่กำลังหลับลึกเอาแรงจากการเล่นน้ำทะเลและทำกิจกรรมมาทั้งวัน ก็สะดุ้งโหยงเพราะได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวายเหมือนกำลังทะเลาะกับใครอยู่ พอได้สติแล้วลองฟังดูอีกครั้งว่าใครทะเลาะกับใครไหม ก็ไม่ใช่..เพราะไม่ได้ยินเสียงคู่กรณี มีแต่เสียงเจ้าตัวนี่แหละที่ตะโกนโหวกเหวกอยู่แต่เพียงลำพัง ชวนให้กังวลใจว่าเกิดอะไรขึ้น ในห้องอันมืดมิด มองไม่เห็นอะไร ทำได้แค่เงี่ยหูฟัง
ปรากฏว่า…
เสียงนั้นคือเสียงละเมอของเพื่อนร่วมห้องที่นอนเตียงชั้นล่างของเคทนี่เอง
เขาเป็นชายฝรั่ง อายุน่าจะสามสิบต้น ๆ
สักพักเสียงละเมอนั้นก็เริ่มสงบลง ทิ้งไว้แต่เพียงคนที่ได้ยินเสียง และนอนไม่หลับไปอีกยาว
ใครเคยเจออาจเข้าใจนะว่า เสียงละเมอนี่นอกจากทำให้เราตกใจแล้ว ในความกึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น…ยังมีความวังเวงแบบเสียวสันหลังปนอยู่ด้วย
โล้สำเภา
จำได้ว่ามีเพื่อน ๆ ในเพจแชร์ประสบการณ์กับเคทว่าเคยเจอฝรั่งโล้สำเภากันสด ๆ ในห้องบนเกาะแห่งหนึ่งในไทย ทั้ง ๆ ที่มีคนอื่นนอนรวมอยู่ด้วยหลายคน ตอนนั้นเคทก็ยังไม่เคยเจอกับตัว จนกระทั่ง…
เคทไปพักโฮสเทลแห่งหนึ่งในตัวเมือง Cebu City Centre ซึ่งเป็นที่พักที่สภาพเลวร้ายมาก (ให้สิบกะโหลก) เตียงนอนสองชั้นไซส์เตียงเด็ก เคทเข้าไปนั่งบนเตียงตัวเองไม่ได้เลย สไลด์ตัวลงนอนได้อย่างเดียว!
ส่วนบรรยากาศในห้อง มืด ทึบ ฝ้าสีขาวเก่า ๆ มีคราบน้ำเกาะบนแผ่นฝ้าจนเป็นสีน้ำตาล กลิ่นอับในห้องชวนให้อยากลากกระเป๋าออกไปหาที่พักใหม่เดี๋ยวนั้นเลย ผ้าปูที่นอนเก่า ๆ ลายการ์ตูนเหมือนไม่มีคนนอนมานานแล้ว และไม่มีผ้าห่มใด ๆ ให้ ทั้ง ๆ ที่แอร์หนาวจับใจ
ที่น่าสังเกตคือ มีป้ายเตือนติดอยู่ในประตูห้องว่า
“ห้ามมีเซ็กซ์ในห้องพัก
หากใครฝ่าฝืนกฏ ปรับเท่าราคาห้องพักทั้งห้อง
(ป.ล.กรุณาให้ความเคารพต่อเพื่อนร่วมห้องด้วย ขอบคุณ!!)”
มันชักจะยังไง ๆ แระ ถึงกับติดป้ายเตือนขนาดนี้แสดงว่ามีคนทำบ่อยหรือเปล่า นักท่องเที่ยวที่มาพักที่นี่ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งค่ะ ห้องนั้นมี 4 เตียงอีกเช่นเคย แต่มีคนพักแค่ 3 คน รวมทั้งเคทด้วย เป็นหนุ่มฝรั่งตัวสูงใหญ่ 1 คน และเพื่อนร่วมห้องสาวสวยชาวสเปน 1 คนที่เดินทางมาคนเดียวเหมือนกัน
ปรากฏว่าคืนนั้น เคทและเพื่อนสาวชาวสเปนเข้านอนไวมาก ตอน 3 ทุ่มเพราะเราต้องออกไปสนามบินตอนเช้า
ส่วนผู้ชายคนนั้น หายไปทั้งคืน ไม่กลับห้อง
พอใกล้รุ่งสาง ประมาณตี 5 เคทงัวเงียตื่นขึ้นมานิดหน่อยเพราะได้ยินเสียงเปิดประตู ก็รู้สึกตัวว่า ผู้ชายคนดังกล่าวกลับมาแล้ว นึกว่ามาคนเดียว สักพักได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะคิกคักบนเตียงเขา
เขาพาสาวมาด้วย!
ในห้อง แม้จะมืดมาก แต่ก็เงียบมากเช่นกัน
เสียงทุกเสียง… เราจะได้ยินชัดเจน
สักพัก เคทก็ได้ยินเสียงเตียงโยกดังเอี๊ยดอ๊าดเลยจ้า ซึ่งมีเพื่อนสาวชาวสเปนนอนอยู่ชั้นบนของเตียงนั้น หนักกว่าเคทที่อยู่คนละเตียงอีก แน่นอนว่าเธอรู้สึกตัวแล้ว ตอนแรกเธอกระแอมออกมา เพื่อให้ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่ดังกล่าวรู้ตัวว่า “ยังมีคนอื่นอยู่ในห้องด้วยนะคุณ” แต่ทั้งสองก็ไม่ได้หยุดโล้สำเภากันแต่อย่างใด จนเพื่อนคนนี้ทนไม่ไหว ทำเป็นลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ส่วนเคทก็นอนด้วยความกระอักกระอ่วน
แหม.. คนทำไม่อาย คนอายแทนคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี่แหละ
“ฉันเห็นทุกอย่าง” สาวสวยชาวสเปนคนนั้นเล่าให้ฉันฟังระหว่างทางที่เราไปสนามบินด้วยกัน “ฉันรู้จักฝ่ายหญิงซะด้วยสิ เมื่อคืนเรายังนั่งคุยกันเลย ตอนนั้นเตียงฉันโยกไปมา เป็นบ้าเป็นหลั่ง ฉันเกือบจะลุกขึ้นมาด่าพวกเขาแล้ว” เธอหัวเราะ
“เพราะนั่นมันก็เตียงฉันด้วยเหมือนกัน!”
กลิ่นอะไรตุ ๆ
แชร์ห้องกัน ก็เท่ากับแชร์กลิ่นด้วยนะ
เพราะกลิ่นต่าง ๆ ที่มากับอีกคน คนร่วมห้องก็ต้องพลอยรับกรรมไปด้วย ยิ่งถ้าสภาพห้องเป็นห้องอับ ทึบแล้วล่ะก็ ยากที่จะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดได้
เคยมีอยู่ครั้งนึง เคทได้กลิ่นตุ ๆ ตอนเดินผ่านเตียงบางเตียงเพื่อไปยังเตียงนอนของตัวเองที่อยู่ริมสุดของห้อง
เดินผ่านแว้บแรก ยังไม่คิดอะไรมาก
พอเดินผ่านหลายรอบเข้า …ชัดเลย…
กลิ่นอับ ๆ ชื้น ๆ เหมือนผ้าขนหนูที่โดนซับเหงื่อ-ซับน้ำ มาอย่างโชกโชน แล้วโดนเจ้าของซุกไว้ในเป้หลายวันจนเน่าได้ที่
คืนที่สอง เคทก็ได้ยินเสียงคนในห้องคุยกัน เริ่มมีคนอื่นในห้อง (อยู่ร่วมกัน 8 เตียง) พยายามหาต้นตอของกลิ่นนี้ ราวกับหาหนูตาย จากนั้นพวกเขาก็รีบจัดการบอกเพื่อนตัวดีให้เอาผ้านั้นไปซัก แล้วตากข้างนอก
ตากผ้าไม่เกรงใจ
เวลาเลือกเตียง เคทจะชอบปีนขึ้นไปนอนเตียงบนมากกว่าเตียงล่าง
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เคทพักโฮสเทลนั้น 5 คืน
คืนที่สี่ มีคู่รักคู่หนึ่งเข้ามาพักในห้อง แทนคนเดิมที่นอนละเมอแล้วจากไป
ฝ่ายหญิง เลือกนอนเตียงชั้นล่างเตียงเดียวกับเคท ส่วนฝ่ายชายแยกไปนอนอีกเตียง
ไม่นึกว่า เขาจะตากผ้าไว้ตรงบันได ซึ่งเป็นทางเดียวที่เคทใช้ปีนขึ้น-ลง ทั้ง ๆ ที่เขาเห็นว่ามีคนพักอยู่เตียงบน
ตอนแรกก็นึกว่า ไม่เป็นไร..สงสัยเขาเข้าห้องมาดึก เลยไม่เห็นว่าทางโฮสเทลทำราวแขวนประจำเตียงไว้ให้เรียบร้อยบนฝาผนังอีกด้านของห้อง
ปรากฏว่าคืนต่อมา เขาก็ยังเอาผ้าขนหนูมาตากไว้ที่บันไดอีก
บันไดของโฮสเทลนั้นปีนยากอยู่แล้ว ลองนึกดูว่าตอนกลางคืนที่เราต้องปีนลงมาเข้าห้องน้ำ แล้วเจอผ้าขนหนูตากขวางไว้จะยิ่งทุลักทุเลแค่ไหน
จะเหยียบก็ไม่ได้ จะข้ามก็ไม่ได้ เพราะบันไดเหล็กมันแคบมาก
จะไม่ลงก็ไม่ได้เพราะปวดฉี่มาก
ปรากฏว่ารอบนั้น สะดุดตกเตียงจ้าาา จนฝาไม้เก็บกระเป๋าชั้นล่างถึงกับเปิดออกมาเสียงดัง ทำเอาคนอื่นตกใจไปอีก – -‘
ความทุกข์ของคนนอนเร็ว
นักเดินทางแต่ละคนตารางการเดินทางไม่เหมือนกัน
บางคนต้องบินไฟล์ทเช้า บางคนเข้าห้องนอนดึกเพราะมาไฟล์ทค่ำ
บางคนสายปาร์ตี้ กลับห้องตอนบาร์ปิด ตีสามตีสี่
ซึ่งทุกคนล้วนมีเหตุผลของตัวเองที่จะสนุกกับการเดินทางนั้นให้เต็มที่
ส่วนเคท…จะหนักกิจกรรมตอนกลางวัน และเข้านอนเร็วตอนกลางคืน เรียกได้ว่า 2 ทุ่มก็อยู่บนเตียงแล้ว
แต่ก็เคยชินกับการตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน เพราะเสียงคนเข้าออกห้องเป็นประจำ ซึ่งจะเป็นเรื่องปกติมาก หากคนที่เข้าออกห้องพยายามเบาเสียงที่สุด เพราะคนอื่นกำลังหลับอยู่
แต่ที่เคยเจอคือ มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีแกงค์สาว ๆ ปาร์ตี้กลับมาประมาณตีสาม เข้ามาในห้องก็เม้าท์กันถึงเรื่องในบาร์และผู้ชายที่เจอ ซึ่งนอกจากสาว ๆ กลุ่มนี้จะไม่ได้เบาเสียงที่คุยลงแล้ว ยังคุยกันอย่างออกรสประหนึ่งว่าเป็นเวลากลางวันอีกด้วย

…
Tips:
- จะเห็นได้ว่า ประสบการณ์แย่ ๆ ที่อาจพบในโฮสเทลไม่ได้มาจากตัวโฮสเทลเอง แต่มาจากนักท่องเที่ยวที่เข้าพัก ที่มาจากหลายถิ่นฐาน หนักกว่านี้ก็เช่นเรื่องขโมยของ หลายโฮสเทลจึงมีมาตรการให้ลูกค้าเอากุญแจล็อกเกอร์ไปเอง (เพราะหากเกิดกรณีสิ่งของสูญหาย จะได้ไม่โทษว่าเป็นความผิดของทางที่พัก)
- หากอยากจะพักโฮสเทล ให้ลองดูว่ากิจกรรมที่เราไปทำมันหนักไหม ถ้าหนักและเราควรได้พักผ่อนเยอะ ๆ อาจเลือกนอนที่พักแบบไพรเวทสักสองคืน สลับกับโฮสเทลดูนะคะ
ฝากเพื่อนๆ ติดตามเรื่องเล่าจากการเดินทาง+ทริปแบบมันส์ๆ ได้ที่ 🥰🐯
Facebook: https://web.facebook.com/katewandermore
IG : https://www.instagram.com/kate_wandermore/
Twitter: https://twitter.com/kate_wandermore