เขาชื่อ อังจุค
พูดเลยว่าถ้าหลายวันมานี้ไม่มีเขา ฉันคงเป็นวิญญาณเฝ้าภูเขาแน่ๆ ล้านเปอร์เซ็นต์!!
อังจุคเป็นหนุ่มชาวลาดักห์วัยยี่สิบห้าปี หน้าคม ผอมสูง ผิวแทนบ่มแดด เป็นคนพูดน้อย ขี้อาย ทำกับข้าวเก่ง
เขาคนนี้เป็นมิตรนำทางของฉัน…
ฉัน…ผู้ซึ่งแบกเป้หนีป่าคอนกรีตในเมืองหลวงมาเยือนถิ่นลาดักห์ ดินแดนธิเบตน้อยทางอินเดียตอนเหนือแต่เพียงลำพัง…
ลาดักห์มีเส้นทางไต่เขาให้เลือกเยอะแยะมากมาย เรียกได้ว่ามีความทรหดท้าทายหลากหลายระดับรอคอยเรียกร้องให้ผู้ชื่นชอบการผจญภัยไปลิ้มลอง เส้นทางทีฉันเลือก ชื่อแชมเทรค (Sham Trek) เป็นเส้นทางที่ใช้ระยะเวลาน้อยที่สุด คือ 3 วัน เดินวันละ 10-12 กม. หรือ 5-6 ชม. ระยะทางรวมประมาณ 37 กม.
แชมเทรค เป็นเส้นทางที่ง่ายที่สุด หากนำมาเรียงลำดับความยากของบรรดาหุบเขาสวยดุของลาดักห์
หากนั่งมองจากหน้าต่างเครื่องบิน ลาดักห์จะต้อนรับนักเดินทางด้วยภาพวิวเทือกเขายอดหิมะเรียงรายอยู่มากมาย ทำเอาคนที่คลั่งใคล้ภูเขาอย่างฉันต้องตาค้าง
หนึ่งในเทือกเขาหลากลูกที่เห็นยอดแหลมๆ คือ K2
ใช่แล้ว
K2 ยอดเขาที่สูงรองลงมาจากเอเวอร์เรสต์
คนรู้จักน้อยกว่า แต่ปีนยากกว่าเอเวอร์เรสต์มาก อัตราการตายก็สูงกว่า แต่สวยสะกดใจเหลือเกิน
ฉันเริ่มต้นการเดินเขา โดยมีซิริงขับรถแท้กซี่มาส่ง ทิ้งฉันและอังจุคไว้ริมถนนหมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านหนึ่งที่อ้างว้างดูไม่ค่อยมีผู้คน
ฉันยืนมองชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังขนย้ายไม้เพื่อเอาไปสร้างบ้าน มีทั้งหญิง-ชายออกแรงช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง แล้วหันมามองเพื่อนร่วมทางที่ยืนอยู่ข้างๆ ตาปริบๆ พยักหน้าให้กันและกันเล็กน้อย
เป็นสัญญาณว่าต่อจากนี้เราคงต้องลำบากไปด้วยกันละนะ…
ความเร็วในการเดินของฉันเมื่อเท้าเหยียบลาดักห์ลดลงจนเหมือนเป็นตัวสล็อต ทุกคนเดินกันอย่างช้าๆ เพราะลาดักห์เป็นพื้นที่ที่มีความสูงเกิน 3500ม.เหนือระดับน้ำทะเล ภูเขาบางลูกสูงถึง 6000-7000 ม.เหนือระดับน้ำทะเล
หากเดินเร็วกว่านั้น อาจถูกโรคแพ้ความสูงถามหาเอาได้
เราเดินไต่เขาไปเรื่อยๆ เวลาทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งยาวนาน เหมือนมีฉันและเขาอยู่เพียงสองคนในจักรวาล ภาพที่เห็นจนชินตาคือแผ่นหลังของร่างอันสูงโปร่งของเพื่อนร่วมทางที่เดินซวบซาบย่ำทรายนำหน้าฉันไป ภูเขาที่ทอดตัวรอเราอยู่ข้างหน้าดูไม่ปรานีกับเราในบางครั้ง ที่ราบทางเรียบที่ดูเหมือนเดินอย่างง่ายดายกลับหอบเอาอาการเหนื่อยแสนสาหัสมาให้เป็นของขวัญรับน้อง
จุดหมายของเราวันนี้ คือ หมู่บ้านยังทัง
“อีกนานไหม” ฉันถามมิตรนำทาง หลังจากเราเดินมาได้เพียงสองชั่วโมง การเดินบนระดับความสูงนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ใจนึงก็สงสารปอด อีกใจนึงก็ยินดีปรีดากับวิวทิวทัศน์ของยอดเขาและพันธุ์ไม้แปลกตาข้างทาง
สมคำร่ำลือ…
ลาดักห์เปรียบเหมือนทะเลทรายแห่งความหนาวจริงๆ …
ภูเขาแต่ละลูกเหมือนมีอากาศเป็นของตัวเอง บางครั้งลมหนาวพัดแรงจัด จนฉันต้องขนเอาอุปกรณ์กันหนาวที่หอบมาในเป้ใบเล็กทั้งหมดมาใส่ครบองค์ แต่พอเดินข้ามเขาไปได้อีกลูกหนึ่ง ลมเงียบสงบนิ่ง แม้ใบไม้ก็ไม่ไหวติง บางครั้งอากาศร้อนจนต้องถอดเครื่องกันหนาวทุกอย่างที่มีออก
เราเดินมาจนถึงกระโจมชาซึ่งเป็นที่พักนักเดินทาง ตัวกระโจมถูกสร้างไว้อย่างไม่แข็งแรงนัก มีไม้ผอมๆ ขึงผ้าใบสีขาวไว้โต้ลมสะบัดไปมา ธงมนตราธิเบตโบกพริ้วไหวเหมือนมีลมเป็นเพื่อนเล่น จิบชาที่ไหนก็ไม่ได้บรรยากาศเหมือนที่นี่เลย
บ่ายสาม
เราเดินมาถึงยังทัง หมู่บ้านเล็กๆ ที่ต้อนรับเราด้วยทุ่งข้าวบาร์เล่ย์และดอกไม้สีม่วงริมทางชวนแปลกตา เราได้บ้านพักของชาวบ้านเป็นที่ซุกหัวนอนและที่ฝากท้องไว้ 1 คืน หญิงสูงวัยเจ้าของบ้านท่าทางใจดีและพูดภาษาอังกฤษกับเราได้เล็กน้อย คุณป้าจะถนัดส่งยิ้มให้มากกว่า
มาอยู่ที่ลาดักห์หลายวัน ฉันเริ่มสังเกตว่า วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ผสมกลมกลืนไปกับความเป็นพุทธศาสนิกชนสูง ในหมู่บ้านจะมีวัด ประดิษฐานพระพุทธรูปของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ไม่มีวัดก็จะมีสถูปไว้บูชาพระโพธิสัตว์แทน ทุกบ้านจะมีกงล้อสวดมนต์ และมักจะเห็นรูปองค์ดาไลลามะบนฝาผนัง บางบ้านยังมี house temple หรือห้องพระสร้างไว้ด้วย ลักษณะคล้ายห้องพระบ้านเรา เพียงแต่สร้างแยกไว้จากตัวบ้าน
อยู่ที่นี่ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตแบบธรรมชาติ…
น้ำ…หาดื่มเย็นๆ จากลำธาร
ผลไม้…เด็ดชิมเอาจากต้น
ผัก..เก็บกินสดจากสวน
วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ดูออแกนิคจริงๆ ตั้งแต่ตื่นเช้า จนเข้านอน
แม้แต่ตอนขับถ่าย ยังเป็นส้วมแบบหลุมดิน พอถ่ายเสร็จก็เอาคราดตักดินผสมปุ๋ยคอกถมลงไป สะสมกลายเป็นปุ๋ยกลับคืนสู่ธรรมชาติ
บ้านของชาวบ้านที่ฉันมาพักคืนแรก มีเด็กชายตัวน้อยๆ หน้าตาน่ารักเหมือนในปฏิทินจีนชอบเข้ามาเล่นด้วย
วันต่อมา ฉันตื่นเช้าออกมารับลมที่ดาดฟ้าของบ้าน เราเริ่มออกเดินทางแต่เช้า เพื่อไม่ให้ไปถึงจุดหมายปลายทางของวันที่สองสายเกินไป
จุดหมายวันที่สอง คือ เฮมิส
ในการเดินทาง ฉันมักภาวนาอยู่ลึกๆ ว่าอยากให้หนทางที่เจอในวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน แต่ลาดักห์ก็เป็นครูที่เข้มงวดเสมอ ไม่เคยย่อหย่อนที่จะให้บทเรียนใหม่ๆ กับฉันเลย
ฉันเจอทางเดินใกล้หุบเหว ที่มีพื้นที่แคบๆ ให้เดินกว้างเพียงประมาณสองฝ่าเท้า
หลังจากเดินเท้าประมาณห้าหกชั่วโมง เราก็เห็นโอเอซิสมาแต่ไกล
โอเอซิสสีเขียวขจีกลายหุบเขาอันแห้งแล้ง คือเฮมิส หมู่บ้านที่เราจะไปพักในวันนี้ หนุ่มลาดักห์นำทางฉันลัดเลาะผ่านทุ่งหญ้ามอสที่มีปศุสัตว์กำลังเล็มหญ้าอย่างเสรี เข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของหมู่บ้าน มีบริเวณกว้างขวาง สักพักฉันได้ยินหมาน้อยตัวหนึ่งวิ่งมาทางเรา มันเห่าต้อนรับ แล้ววิ่งนำเข้าบ้านไป
[booking_product_helper shortname=”ladakh”]
ข้อแนะนำในการไปไต่เขาที่ลาดักห์
- เนื่องจากเลห์เป็นดินแดนที่มีธรรมชาติที่เปราะบาง คือมีความอุดมสมบูรณ์มาก และอาจจะยังไม่มีระบบเรื่องการกำจัดขยะของนักท่องเที่ยวที่มาจำนวนมหาศาลได้ ทุกครั้งในการเดินทางจึงไม่ควรสร้างขยะไว้ (ควรเก็บขยะ กลับมาทิ้งในเมือง)
- พกยา Diamox ไปด้วย ในความสูงระดับนั้น เราจะได้ใช้ยาตัวนี้จริงๆ เพื่อบรรเทาอาการของโรคแพ้ความสูง
- พกครีมกันแดด หมวก (เคทลืมเอาไป กลับมาแดดเผา จมูกไหม้เลย) และเสื้อกันหนาวกันลมที่มีหลายชั้น สามารถถอดแยกได้ เพราะอากาศบนภูเขาเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว หากเสื้อสามารถถอดเป็นชั้นๆ ได้จะสะดวกกว่า และอย่าลืมพวกผ้าโพกศีรษะ เอาไว้ปิดจมูกกันลมหนาว
- ควรมี Day Pack และ Back Pack : Day pack เป็นเป้ขนาดย่อม เอาไว้ใส่สัมภาระที่จะเป็นระหว่างเทรคกิ้ง ส่วน Back Pack กระเป๋าใส่เสื้อผ้าถ้าเป็นใบใหญ่มาก ควรฝากเกสเฮ้าส์เอาไว้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระระหว่างเดินทาง
- แป้งโยคี เอาไว้โรยถุงเท้ากันชื้น ช่วยเรื่องกลิ่นเหงื่อได้ดี
- เงิน หากไปประมาณ 10 วัน ควรแลกไปอย่างน้อย 25,000-30,000 บาท เพราะค่าใช้จ่าย ค่ากินอยู่ที่นั่นในช่วง high season จะพอๆ กับในกรุงเทพ และค่าใช้จ่ายในการเทรคกิ้ง โดยเฉพาะหากไปคนเดียวก็อยู่ที่ 9,000 รูปี (เส้นทาง Sham 3 วัน) ค่าแท้กซี่ไปเที่ยวที่ต่างๆ หากไกลมากก็แพงอยู่เหมือนกัน เช่น Pangong Lake เกือบ 9,000 รูปี หรือประมาณ 4,500 บาท (ไปคนเดียวมันลำบากอย่างงี้เอง T^T) แต่สามารถหา joined group หรือ joined taxi ได้ ทางเอเจนซี่ทัวร์จะเขียนประกาศบนกระดานไวท์บอร์ดและตั้งไว้หน้าร้านให้
- พกเงินสด ดีกว่าพกบัตร เพราะที่นี่หาตู้เอทีเอ็มยาก มีเพียงตู้ในตลาดหลัก ซึ่งจะมีคนเข้าคิวยาวเหยียดอยู่แล้ว